SUPERRESCUELAB
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  |  
 ตะกร้าสินค้า (0)

ภาพ:GayGay_1.jpg


    เกย์ คือ ผู้ชายที่ที่ชอบผู้ชายด้วยกัน จิตใจพอใจในความเป็นชายของตัวเองทุกอย่างพอใจที่จะหล่อแบบผู้ชาย มีกล้าม หน้าอกหน้าท้อง พอใจในจู๋น้อยของตัวเอง และมีอารมณ์ทางเพศกับชายที่ชอบชายด้วยกันเท่านั้น ไม่มีจิตใจอยากเป็นหญิงเลยแม้แต่น้อย

ความหมายของเกย์

ภาพ:GayGay_2.jpg


         เกย์ หมายถึงผู้ชายที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน คนที่เป็นเกย์จะมีการแสดงออกได้หลายระดับ ออกทางหน้าตา แต่บางคนดูยังไงก็ดูไม่ออก ดูมาดแมนดี แต่ที่ไหนได้เป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันไป แล้ว บรรดาเกย์ทั้งหลายจะ หล่อๆ หุ่นแมนๆ กันทั้งนั้น คนพวกนี้เขาดูแลตัวเองดีมาก แต่งตัวก็มักจะดูดีมากๆ ด้วย หายากที่จะเห็นเกย์โทรมๆ อ้วนตุ๊ต๊ะ เสียชื่อชาวเกย์หมด

         เกย์ มีชื่อเล่นเยอะ เช่น ไม้ป่าเดียวกัน ชาวดอกไม้ ชาวสีม่วง แต่โดยทั่วไปนิยมเรียกว่า เกย์ (Gay) เกย์แบ่งเป็น เกย์คิง กับเกย์ควีน

         เกย์คิง (Gay-king) คือผู้ที่ชอบ "แทงข้างหลัง" หรือเรียกว่า "ผู้เป็นแขก"

         เกย์ควีน (Gay-queen) คือผู้ที่ชอบ "หันหลังให้เขาแทง" หรือเรียกว่าเป็น "แผนกต้อนรับ"

         เกย์ควิง (ผสมระหว่าง king กับ queen) เป็นได้ทั้งแขกและแผนกต้อนรับ ทำหน้าที่ทั้งสองบทบาทในเวลาเดียวกัน อย่างนี้เรียกเป็น

         เกย์อาจไม่ได้เหมือนกันทุกคน เพราะความรักของเกย์นั้นมีหลายระดับค่ะ เช่น

         1. คิดรักชาย ไม่เคยมีสัมพันธ์กับชาย แต่มีเพศสัมพันธ์กับหญิงเท่านั้น

         2. ปกติเพศสัมพันธ์กับหญิง แต่มีเพศสัมพันธ์กับชายเป็นบางครั้งเท่านั้น

         3. ปกติเพศสัมพันธ์กับชาย แต่มีเพศสัมพันธ์กับหญิงเป็นบางครั้งเท่านั้น

         4. รักชาย มีเพศสัมพันธ์กับชายเท่านั้น แต่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับฝ่ายหญิง

         *** ส่วนใหญ่หากเป็นเกย์ก็มักจะเป็นชนิดที่ 1-3

ตำนานเกย์

ภาพ:GayGay_7.jpg


         ความประพฤติอย่างที่เราเรียกว่า เกย์หรือรักร่วมเพศ คงจะเป็นพฤติกรรมที่มีผู้ประพฤติปฏิบัติกันมานานแสนนานทีเดียว จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์และผลการค้นคว้าทางวิชาการในสมัยปัจจุบัน เราพบว่ามีการกล่าวถึง และมีหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้พอที่จะพูดได้ว่าความประพฤติเยี่ยงนี้คงจะเป็นสิ่งเก่าแก่ไม่น้อยไปกว่าการเป็นโสเภณี หรือบางทีพฤติกรรมรักร่วมเพศอาจเกิดขึ้นก่อนโสเภณีเสียด้วยซ้ำ

         ตามรายงานของนักวิชาการที่ทำการศึกษาพฤติกรรมของสัตว์ เคยมีผู้รายงานว่า ลิงก็นิยมทำตนเป็นเกย์ คือมีพฤติกรรมสมสู่กับเพศเดียวกันเสมอ ๆ และในรายงานของนักมานุษยวิทยา เราก็พบว่าพฤติกรรมทำนองนี้มีอยู่ในหมู่ชนเผ่าที่ล้าหลังหลายเผ่าเช่นกัน

ตำนานเกย์ในคริสต์ศาสนา

ภาพ:GayGay_8.jpg


         ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ มีการกล่าวถึงการสมสู่กับคนเพศเดียวกันในทำนองเป็นความผิดบาปที่ร้ายแรงอยู่หลายตอน และนี่เองที่ฝังแน่นอยู่ในความคิดของฝรั่งตะวันตกที่นับถือศาสนาคริสต์ เป็นสำนึกทางศีลธรรมและกฎหมายเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน

         ในตำนานการสร้างโลก หรือเยเนซิส การประพฤติตนเป็นเกย์เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้พระเจ้าลงโทษมนุษย์อย่างรุนแรงถึงขนาดล้างบ้านล้างเมือง ดังจะเห็นได้จากพระคัมภีร์ซึ่งได้กล่าวถึงการที่พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้ไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญแผ่นดิน ชาวเมือง และบรรดาสิ่งที่งอกขึ้นมาจากแผ่นดินให้พินาศย่อยยับเสียทั้งหมด ว่าเป็นเพราะชาวเมืองนั้นนิยมประพฤติตนเป็นเกย์ คือสมสู่กันในระหว่างคนเพศเดียวกันทั้งเมือง เมืองที่ว่านี้คือเมืองซะโดม และอะโมรา ซึ่งตามตำนานเล่าว่า พระผู้เป็นเจ้าได้ส่งทูตสวรรค์สององค์ไปตรวจดูความประพฤติของคนเมืองนี้ เมื่อทูตสวรรค์ไปถึงและได้พำนักอยู่ในบ้านของโลต (หลานของอับราฮามซึ่งเป็นสาวกคนสำคัญของพระยะโฮวา)

         ปรากฏว่าคืนนั้นเองชาวเมืองซะโดมผู้นิยมร่วมเพศกับคนเพศเดียวกันทั้งคนหนุ่มคนแก่พากันยกขบวนมาล้อมบ้านของโลต และเรียกให้โลตมอบทูตสวรรค์ทั้งสององค์ให้แก่พวกตน เพื่อพวกตนจะได้สมสู่กับทูตทั้งสองนั้นตามประเพณีที่ยึดถือกันมานานแล้วว่า ชาวเมืองซะโดมมีสิทธิ์สมสู่กับคนเดินทางที่พำนักในเมืองตน แม้ว่าโลตผู้เป็นเจ้าของบ้านจะออกไปเจรจาทัดทาน ขอให้ปล่อยและละเว้นทูตสวรรค์ทั้งสองโดยจะยอมส่งตัวลูกสาวสองคนของตนให้คนเหล่านั้นแทน ชาวเมืองซะโดมก็ไม่ยอมและพยายามจะจับตัวโลตไปทำปู้ยี้ปู้ยำเสียด้วย ทำเอาทูตสวรรค์ต้องยื่นมือเข้าช่วย บันดาลให้โลตหนีรอดมาได้แล้วสั่งให้โลตพาลูกเมียหนีออกไปจากเมืองนั้นเสียก่อนที่พระผู้เป็นเจ้าจะทำลายเมืองเสีย

         ก่อนหน้าที่พระผู้เป็นเจ้าจะทำลายเมือง ซะโดมและอะโมราเพราะเหตุที่ชาวเมืองนิยมสมสู่กับคนเพศเดียวกันนั้น อับราฮามเคยทูลทัดทานและขอชีวิตชาวเมืองไว้โดยขอให้พระผู้เป็นเจ้าเห็นแก่คนที่บริสุทธิ์ไม่ได้ประพฤติเช่นนั้นเหมือนคนอื่น ๆ ด้วย ซึ่งพระยะโฮวาก็ทางให้สัญญาว่า ถ้าหากมีคนชอบธรรมที่ไม่ประพฤติตนเป็นคนลามกในสายตาของพระองค์เพียงสิบคน พระองค์ก็จะทรงเห็นแก่คนบริสุทธิ์สิบคนนั้น และจะไม่ทำลายเมืองนั้น แต่ในที่สุด ปรากฏว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้ไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญเมืองนั้นจนไม่เหลือซาก ก็เป็นเครื่องแสดงว่าคนเมืองนั้นเป็นคนลามากในสายตาของพระองค์ ชาวเมืองที่เป็นคนลามกนั้นมีมากเสียจนเรียกได้ว่าหมดทั้งเมือง เรียกได้ว่าเป็นเมืองเกย์ คือมีที่ไม่เป็นเกย์นับได้ถึงสิบนั่นเอง

         โดยที่การสมสู่กับคนเพศเดียวกันเป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าถือว่าเป็นสิ่งลามกอย่างยิ่ง พระองค์ได้ระวางโทษผู้ที่ประพฤติเช่นนั้น ไว้อย่างรุนแรง คือมีโทษถึงตาย พระองค์ได้ทรงตรัสสั่งให้โมเสสประกาศแก่คนทั้งหลายว่า การประพฤติเช่นนั้นทำให้แผ่นดินเป็นมลทิน และจะเป็นเหตุให้แผ่นดินนั้นต้องโทษ และทำให้เกิดธรณีสูบ แผ่นดินไหวได้

         ตามความเชื่อของชาวคริสต์ ชาวคริสต์จะมีชัยชนะในการสงครามได้เพราะพระผู้เป็นเจ้าเสด็จไปกับพวกเขาและช่วยให้ได้รับชัยชนะ ดังนั้นไพร่พลในกองทัพจะกระทำการใด ๆ ให้เป็นที่ขัดเคืองแก่พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ หากผู้ใดกระทำก็อาจเป็นเหตุทำให้พระผู้เป็นเจ้าเสด็จไปเสียจากพวกเขา และทำให้ต้องพ่ายแพ้แก่ศัตรู ดังนั้นใครก็ตามที่สมสู่กับคนเพศเดียวกันต้องมีโทษถึงตาย และถ้าเกิดมีใครถูกกระทำเช่นนั้นโดยมิได้ยินยอมพร้อมใจแม้ไม่ต้องถูกลงโทษถึงตาย แต่ก็ถูกถือว่าเป็นคนมีราคี หรือเป็นตัวซวยของกองทัพต้องออกจากค่ายนั้นไปทำพิธีล้างราคีนั้นออกเสียก่อน จึงจะกลับเข้ามาอยู่ร่วมกับผู้อื่นในกองทัพได้ต่อไป

         จะเห็นได้ว่าจารึกในพระคริสตธรรมคัมภีร์ อันเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือจิตใจและความเชื่อของชาวคริสต์มาเป็นเวลานับพันปีนั้น ถือว่าการสมสู่กับคนเพศเดียวกันนั้น ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวที่ใครทำใครรับผิด

         ครั้นจักรวรรติโรมันได้รับเอาคริสตศาสนามาเป็นศาสนาประจำจักวรรดิแล้ว การสมสู่กับคนเพศเดียวกันจึงืถอเป้นความผิดอาญาที่ร้ายแรงถึงขนาดผู้กระทำต้องถูกลงโทษด้วยการถูกเผาไฟทั้งเป็น จักรพรรดิจัสติเนียนผู้มีพระบรมราชโองการให้จัดทำประมวลกฎหมายของจักรวรรดิโรมันขึ้นในราวคริสตศตวรรษที่ 6 ได้ทรงอธิบายถึงโทษแห่งความผิดฐานนี้ไว้อย่างละเอียดว่า “โดยที่ชนบางเหล่า ผู้ถูกยุยงด้วยบาปกิเลส ได้ทอดตนลงสู่รามวิสัย ทั้งได้บังอาจกระทำอาชญากรรมต่อธรรมชาติ เราจึงจะบังคับชนเหล่านั้นให้มีความเกรงกลัวในองค์พระผู้เป็นเจ้าและคำพิพากษาของพระองค์ในอนาคต ให้ละเสียจากทรามวิสัยอันชั่วจัญไรและอัปมงคลเหล่านั้นเสีย มิให้กรรมอันชนเหล่านั้นได้ล่วงสู่บาปชักนำพระอาญาแห่งพระผู้เป็นเจ้าอันทรงเดชา หรือเป็นทางสู่เหตุวิบัติฉิบหายแก่พระนครและชาวอาณาประชาราษฎร์ …อาชญากรรมต่อธรรมชาติเช่นนั้นจักต้องรับผิดต่อ อัคคีภัย แผ่นดินไหว ธรณีสูบ โรคห่า ไข้พิษ… เพื่อขจัดรังควาญแห่งบาป เช่นนั้น และเพื่อรักษามนุษย์ไว้มิให้สูญเสียวิญญาณแห่งตน ดังนั้นเราต้องการให้ชนเหล่านี้ละเสียจากการทอดตนลงสู่การอันไร้ศรัทธาแห่งพระธรรมเช่นนั้นเสีย…”

         และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ภายใต้อิทธิพลของคริสตศาสนา และกฎหมายโรมันอันเป็นสิ่งที่ทรงอิทธิพลเหนือความสำนึกทางศีลธรรม กฎหมาย และระบอบการเมืองการปกครองของยุโรปติดต่อกันมาเกือบสองพันปี ชาวยุโรปและชาติที่นับถือศาสนาคริสต์ต่างมีบทบัญญัติลงโทษการสมสู่กับคนเพศเดียวกันอย่างรุนแรงถึงชีวิต เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และแม้อังกฤษ และบางมลรัฐในสหรัฐอเมริกาจะไม่ถือว่าการสมสู่กับคน

ตำนานเกย์ไทย

ภาพ:GayGay_9.jpg


         การเป็นเกย์ หรือเป็นคนรักร่วมเพศในวัฒนธรรมตะวันออกที่มิได้อยู่ภายใต้อิทธิพลของคริสตศาสนานั้น ผู้เขียนสันนิษฐานว่าคงจะไม่ถือเป้นข้อห้ามที่มีโทษรุนแรงฐานกาลีบ้านกาลีเมืองเหมือนของคริสต์ น่าเสียดายที่ผู้เขียนไม่มีโอกาสได้ตรวจสอบเรื่องนี้ในคัมภีร์กามสูตรของอินเดีย แต่เท่าที่เคยได้ยินได้ฟังมาดูเหมือนเขาจะถือว่าการร่วมเพศทางเวจมรรค หรือกับคนเพศเดียวกันนี้เป็นกามสุขอย่างหนึ่ง

         ทางฝ่ายพุทธศาสนานั้นในพระวินัยปิฎก พระพุทธองค์ทรงมีพระบัญญัติว่า การเสพเมถุนทางทวารนั้นเป็นเหตุแห่งอาบัติปาราชิก แก่ภิกษุผู้กระทำ และในกฎหมายตราสามดวง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ ทรงมีพระราชโองการให้กำหนดกฎหมายว่าด้วยการให้ราษฎรรักษาศีล คือศีลห้าในฐานะเป็นนิจศีล กับศีลแปดในฐานะเป็นอุโบสถศีล และตามกฎหมายฉบับนี้ถือว่าการเสพเมถุนธรรมโดยทางมุกขมรรค และเวจมรรคในกิริยาตนเอง เป็นการละเมิดศีลห้าข้อที่ว่าด้วยกาเมสุมิจฉาฯ ส่วนการเสพเมถุนธรรมทางเวจมรรคกับผู้หนึ่งผู้ใดที่ไม่ต้องห้ามตามศีลข้อกาเม ฯ ก็เป็นการละเมิดศีลข้อ อพรหมจริยา ฯ อันเป็นอุโบสถศีล ทำให้น่าคิดว่าการกระทำดังกล่าวหากมิได้กระทำในวันอุโบสถ ผู้กระทำจะต้องรับผิดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการกำหนดโทษสำหรับการละเมิดศีลตามพระราชกำหนดฉบับนี้ไว้เป็นการเฉพาะ มีแต่เพียงระบุไว้เป็นการทั่วไปว่า “ถ้าแลผู้ใดมิได้กระทำตามพระราชกำหนดนี้ จะเอาผู้นั้นเป็นโทษตามโทษานุโทษ”

         สำหรับผู้ผู้หญิงถ้าหากประพฤติเป็นคนรักร่วมเพศ ไทยเรามีศัพท์เฉพาะสำหรับเรียกกิริยาเช่นนั้นว่า “เล่นเพื่อน” การเล่นเพื่อนของหญิงนั้นผู้เขียนเข้าใจว่าคงจะต้องถือว่าเป็นการละเมิดศีลข้ออพรหมจริยาฯ เช่นเดียวกับชาย และสำหรับหญิงชาววังการกระทำดังกล่าวยังเป็นความผิดตามกฎมณเฑียรบาลอีกด้วย กฎมณเฑียรบาลดังกล่าวตราขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ มีข้อความว่า “หนึ่งสนมกำนัล คบผู้หญิงหนึ่งกันทำดุจชายเป็นชู้เมียกัน ให้ลงโทษด้วยลวดหนัง 50 ที ศักคอประจานรอบพระราชวัง ทีหนึ่งให้เอาเปนชาวสดึง ทีหนึ่งให้แก่พระเจ้าลูกเธอหลานเธอ” เป็นที่น่าสังเกตว่า ไม่มีบทบัญญัติห้ามมิให้ชายมีความสัมพันธ์ทางเพศกันแต่อย่างใด

         การเล่นเพื่อนในหมู่สาวสนมกำนัลใน ใน]]สมัยรัตนโกสินทร์]]อาจเป็นความประพฤติที่จัดว่าแพร่หลายจนถึงขนาดเอามาเล่าลือกันไปต่าง ๆ นานาในสมัยนั้นว่าเป็นของแปลกหรือวิตถาร แต่ก็คงไม่ใช่เป็นเรื่องร้ายแรงอะไรมากนัก ดังที่จะเห็นได้จากกลอนตอนหนึ่งของสุนทรภู่ ที่บรรยายถึงความประพฤติของนางสนมกำนัลเมืองรมจักร ในหนังสือพระอภัยมณี

          ฝ่ายห้ามแหนแสนสนมเมืองรมจักร แต่ล้วนนักเลงเพื่อนเหมือนกันหมด

          ด้วยเมื่ออยู่บูรีภิรมย์รส เพราะท้าวทศวงศาไม่ว่าไร

          จนเคยเล่นเป็นธรรมเนียมนางรมจักร ทั้งร่วมรักร่วมชีวิตพิสมัย

          กลางคืนเที่ยวเกี้ยวเพื่อนออกเกลื่อนไป เป็นหัวไม้ผู้หญิงลอบทิ้งกัน

          เห็นสาวสาวชาวเมืองการเวก ที่เอี่ยมเอกต้องใจจนใฝ่ฝัน

          แกล้งพูดพลอดทอดสนิทเข้าติดพัน ทำเชิงชั้นชักชวนให้ยวนใจฯ


          พวกพาราการเวกไม่รู้เล่น คิดว่าเช่นซื่อตรงไม่สงไสย

          ต่อถูกจูบลูบต้องทำนองใน จึงติดใจไม่หมายให้ชายเชย

          หนุ่มหนุ่มเกี้ยวเบี้ยวบิดไม่คิดคบ เหตุเพราะสบเชิงเพื่อนจึงเชือนเฉย

          แต่เมืองเราชาวบุรีนี้ไม่เคย อย่าหลงเลยเล่นเพื่อนไม่เหมือนจริง

          อันรมจักรนัครากับการเวก อภิเษกเสนหาประสาหญิง

          ออกอื้ออึงหึงส์หวงเพราะช่วงชิง ถึงลอบทึ้งทุบตีเพราะที่รักฯ


         การประพฤติตนเป็นคนรักเล่นเพื่อนของบรรดาสาวสนมกำนัลในรั้วในวังนี้คงจะเป็นเรื่องที่รู้กันอยู่ทั่วไปในราชสำนัก และแม้จะผิดกฎมณเฑียรบาลแต่ก็คงไม่มีการฟ้องร้อง หรือเอาโทษกันอย่างจริงจังมากนัก ถึงกับมีผู้ผูกเป็นเพลงยาวร้องเล่นกันดังเช่นเรื่องหม่อมเป็ดสวรรค์ ของนายหรีด เรืองฤทธิ์ เป็นต้น

         นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ก็เคยทรงพระราชนิพนธ์เพลงยาวอบรมความประพฤติของบรรดาหม่อมทั้งหลายไว้ห้ามไม่ให้เล่นเพื่อน โดยทรงมีพระบรมราชาธิบายว่า

          “…อันตัวเรานี้ก็รองพระจอมเกล้า เป็นปิ่นเกล้าในสยามภาษา

          มียศศักดิ์ประจักษ์ทั่วทุกภารา พระทรงธรรม์กรุณาชุบเลี้ยงเรา

          ถึงใครใครที่จะตกมาเป็นห้าม ไม่มีความขายหน้าดอกหนาเจ้า

          เสียแตไม่ฉายเฉิดเพริศพริ้งเพรา เพราะแก่เถ้าหงุบหงับไม่ฉับไว

          ถ้าจะว่าไปจริงทุกสิ่งสิ้น ก็พอกินตามแก่แก้ขัดได้

          ฤาน้ำจิดคิดเห็นเป็นอย่างไร จึงมิได้ปลงรักสักเวลา

          การสิ่งใดที่ไม่ดีเรามิชอบ อ้อนวอนปลอบจงจำอย่าทำหนา

          ก้ไม่ฟังขืนขัดอัธยา ยิ่งกับว่าตอไม้ไม่ไหวติง

          ที่ข้อใหญ่ชี้ให้เห็นเรื่องเล่นเพื่อน ทำให้เพื่อนราชกิจผิดทุกสิ้ง

          ถ้าจะเปรียบเนื้อความไปตามจริง เสมอหญิงเล่นชู้จากสามี

          นี่ถ้าหากวังมีกำแพงแข็งแรงรอบ เป็นคันขอบดุจเขื่อนคีรีศรี

          ถ้าหาไม่เจ้าจอมหม่อมเหล่านี้ จะไปเล่นจ้ำจี้กับชาย เอยฯ”

 

ภาพ:GayGay_10.jpg


         การเล่นเพื่อนที่แพร่หลายอยู่ในรั้วในวังตอนต้นรัตนโกสินทร์นี้อาจเป็นเรื่องน่าวิตกอย่างหนึ่งสำหรับบรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ที่ต้องคอยอบรมดูแลพระเจ้าลูกเธอหลานเธอ ฯ ทั้งหลาย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ก็เคยมีพระราชหัตถเลขากำชับสั่งพระเจ้าลูกเธอ ฯ ทั้งหลายห้ามไม่ให้เล่นเพื่อน ด้วย การที่ทรงให้ความสำคัญถึงขนาดมีการกำชับกำชากันเป็นลายลักษณ์อักษรเช่นนี้ทำให้น่าคิดว่า ความประพฤติทำนองนี้ คงจะเป็นสิ่งแพร่หลายที่ปราบกันได้ยากเช่นเดียวกับการปราบยาเสพติดในสมัยปัจจุบันเป็นแน่

         ในประวัติศาสตร์ไทยผู้เขียนยังไม่พบบันทึกที่กล่าวถึงการประพฤติเป็นคนรักร่วมเพศระหว่างชายกับชายอย่างโจ่งแจ้ง จะมีก็แต่การกล่าวถึงความประพฤติของเข้านายบางพระองค์ที่ทรงไม่ยอมอยู่ร่วมกับหม่อมห้าม กลับนิยมบรรทมอยู่กับพวกละครที่ทรงเลี้ยงไว้ดังเช่นกรมหลวงรักษรณเรศรในพระราชพงศาวดาร รัชกาลที่ 3 ซึ่งต่อมาถูกสำเร็จโทษเพราะเหตุคิดกบฏ ซึ่งมีการกล่าวท้าวความว่าการคบกับพวกละครเช่นนั้นเป็นการชักพาให้เสียคน วินิจฉัยคดีไม่เป็นธรรม และเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ไม่ไว้วางพระราชหฤทัย เมื่อสืบทราบต่อมาว่าคิดกบฏจึงทรงลงพระราชอาชญาสำเร็จโทษเสีย

         ครั้งถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระบรมราชโองการให้ประกาศใช้พระราชกำหนดลักษณะข่มขืนล่วงประเวณี ร.ศ. 118 (พ.ศ. 2441) กำหนดโทษผู้ข่มขืนกระทำชำเราหญิงอันมิใช่ภริยาตน และผู้กระทำชำเราผิดธรรมดาโลกย์ นับได้ว่าพระราชกำหนดฉบับนี้ได้นำเอาหลักความรับผิดฐาน Sodomy ของฝรั่งมาบัญญัติเป็นกฎหมายว่าด้วยการทำชำเราผิดธรรมดาเป็นครั้งแรก ในครั้งนั้นผู้กระทำชำเราผิดธรรมดาโลกย์ต้องถูกลงโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีลงมา ต่อมาเมื่อมีการประกาศใช้ประมวลกฎหมายอาญา ร.ศ. 127 ความผิดฐานนี้ได้รับการลดหย่อนให้มีโทษต่ำลงคือ เหลือโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงสามปีเท่านั้น

         ตามกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.127 นี้ ความผิดฐานการทำชำเราผิดธรรมดาถูกเรียกเสียใหม่ว่าความผิดฐานทำชำเราผิดธรรมดามนุษย์ ดังจะเห็นได้จากข้อความในมาตรา 242 แห่งกฎหมายลักษณะอาญาซึ่งบัญญัติว่า

         “มาตรา 242 ผู้ใดทำชำเราผิดธรรมดามนุษย์ ด้วยชายก็ดี หญิงก็ดี หรือทำชำเราด้วยสัตว์เดรัจฉานก็ดี ท่านว่ามันมีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนขึ้นไปจนถึงสามปี และให้ปรับตั้งแต่ห้าสิบบาทขึ้นไปจนถึงห้าร้อยบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง” โดยที่ความผิดฐานนี้เป็นของใหม่สำหรับวัฒนธรรมไทย นักกฎหมายในสมัยนั้นบางท่านจึงพยายามอธิบายถึงมูลแห่งความผิดฐานนี้ว่า เหตุที่ผู้กระทำต้องรับผิดก็เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการถ่วงความเจริญของบ้านเมือง หรือทำให้เสียเชื้อพืชพันธุ์ไปโดยไร้ประโยชน์ ซึ่งก็คงจะไม่เป็นที่เข้าใจหรือยอมรับกันได้อย่างเต็มใจมากนัก ดังนั้นต่อมาภายหลังเมื่อมีการตรวจชำระประมวลกฎหมายลักษณะอาญา และจัดทำประมวลกฎหมายอาญาฉบับใหม่ซึ่งได้ประกาศใช้ในปี พ.ศ. 2499 คณะกรรมการร่างประมวลกฎหมายจึงมีมติให้ยกเลิกความผิดฐานนี้เสีย เพราะเห็นว่ามักไม่เกิดเป็นคดีขึ้นประการหนึ่ง กับเห็นว่าจะเป็นการเสี่ยมเสียเกียรติยศของประเทศชาติอีกประการหนึ่ง

         ดังนั้นหลังจากปี พ.ศ. 2499 เป็นต้นมา การประพฤติตนเป็นคนรักร่วมเพศในประเทศไทยจึงไม่ต้องรับผิดทางอาญาฐานกระทำชำเราผิดธรรมดามนุษย์อีกต่อไป

         ข้อพิจารณาที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับการพิจารณาในทางนิตินโยบายว่าการกระทำเป็นเกย์หรือเป็นคนรักร่วมเพศ ว่าควรจะเป็นความผิดทางอาญาหรือไม่นั้น อยู่ที่ปัญหาเกี่ยวกับมาตรฐานของศีลธรรมอันดีของประชาชนในสังคมนั้นว่าเป็นอย่างไรและยอมรับการกระทำเช่นนั้นได้หรือไม่ โดยเหตุที่ค่านิยมในเรื่องนี้มีแตกต่างกัน ดังนั้นในขณะที่บางชาติถือว่าการทำ Sodomy ต้องมีโทษถึงตาย ไทยเราลงโทษไม่เกินสิบปี และเมื่อประเทศไทยยกเลิกความผิดฐานนี้เสียเมื่อปี พ.ศ. 2499 หรือ ค.ศ. 1956 นั้น ฝรั่งอังกฤษเพิ่งจะยกเอาเรื่องนี้ขึ้นมากล่าวขานกันอย่างเอาจริงเอาจังในปีต่อมาเท่านั้น

         ในที่สุดผู้เขียนมีข้อสังเกตที่น่าจะได้ทำการศึกษาค้นคว้ากันต่อไปว่า ในประเทศตะวันตกที่ถือว่าการทำชำเราผิดธรรมดามนุษย์เป็นความผิดร้ายแรงนี้ น่าแปลกว่าไม่ถือว่าการมีความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างหญิงกับหญิงเป็นความผิด แต่ในประเทศไทยกลับให้ความสนใจกับการกระทำที่เรียกว่า “เล่นเพื่อน” ระหว่างหญิงกับหญิงเป็นพิเศษกว่าชาย ปัญหาน่าคิดก็คืออะไรเป็นเหตุที่ทำให้ทัศนะในเรื่องนี้แตกต่างกัน

         ผู้เขียนใคร่ขอตั้งข้อสังเกตว่า เหตุที่ฝรั่งชาติที่ถือคริสต์เอาจริงเอาจังกับการเอาผิดแก่คนรักร่วมเพศชายกับชาย แต่ไทยเรากลับให้ความสำคัญแก่ความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างหญิงกับหญิงมากกว่านั้น น่าจะเป็นเพราะเหตุของทัศนะเหล่านี้เป็นเรื่องของความแตกต่างทางวัฒนธรรมของตะวันตกกับตะวันออก

         เหตุที่พระเจ้าทรงพิโรธต่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายกับผู้ชายว่าเป็นกาลีบ้านกาลีเมืองนั้นน่าจะเป็นเพราะความจำเป็นในการอยู่ร่วมกันแบบทหารของชาวยิวโบราณที่มีความจำเป็นต้องรบทัพจับศึกกันอยู่ตลอดเวลาจนแทบไม่มีเวลาอยู่กับลูกเมียตามปกติ จำเป็นต้องหักห้ามมิให้ชายมามีความสัมพันธ์กันเองอันจะทำให้เสียการปกครองในการรบ ส่วนในโลกตะวันออกไม่จำเป็นต้องต่อสู้รบราฆ่าฟันกันอยู่ตลอดเวลาเหมือนพวกยิวโบราณ ข้อห้ามเรื่องนี้จึงไม่ปรากฏให้เห็นชัดเจนเหมือนพวกยิว ขณะเดียวกันการที่ชาวตะวันออกมีภริยามาก จึงต้องห้ามไม่ให้ภริยาของตนเล่นเพื่อนอันเป็นเสมือนการนอกใจสามีเป็นทำนองตามพระราชาธิบายของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ นั่นเอง

ประเภทของเกย์

ภาพ:GayGay_11.jpg


         หากจะแบ่งกลุ่มชายหนุ่มและไม่หนุ่มทั้งหลายที่พิสมัยไม้ป่าเพศเดียวกันตามบุคลิกลักษณะการแสดงออกแล้ว สามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท ดังนี้ค่ะ

[แก้ไข] สว่างจิต

         ชายหนุ่มในกลุ่ม “สว่างจิต” นี้ นับว่าสร้างปัญหาให้กับสาวๆ น้อยมาก เพราะต่อให้คุณท่านหล่อล่ำอย่างไร ลักษณะการเดินบิดก้นที่เห็นมาแต่ไกลบ่งบอกได้ดีว่า คุณพี่เป็นผู้ชายนะยะ

[แก้ไข] สลัวจิต

         สาวคนไหนกำลังจะตกหลุมรักหนุ่มหล่อ แต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ากรุณาพิจารณาให้ดี ว่า เวลาไปรับประทานอาหารด้วยกัน คุณพี่ท่านเผลอมีอาการกรีดนิ้วตอนไหนบ้างหรือเปล่า ชายหนุ่มกลุ่มนี้ไม่ได้ตั้งใจหลอกใคร ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในระหว่างกำลังตัดสินใจ ไม่แน่ใจ สับสนตัวเองอย่างมากว่า ...เราใช่เกย์หรือเปล่า อะไรประมาณนี้

[แก้ไข] แอบจิต

         เกย์ประเภทนี้มักสร้างปัญหาให้กับคุณภรรยาทั้งหลาย มีผู้หญิงคนไหนไม่ตกใจบ้างที่อยู่ๆ คุณสามีที่แต่งงานกันมาสับปี มีลูกด้วยกันสองคนเดินเข้ามาบอกว่า “ขอโทษนะครับที่รักผมเป็นเกย์ ???” เกย์ประเภทแอบจิตนั้นถ้าเขาไม่เป็นฝ่ายเอ่ยปากบอกออกมาว่าเขา “ใช่” ก็อย่าหวังเลยว่าใครจะดูออก ไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไป ผู้ชายด้วยกันหรือเกย์ด้วยกัน เพราะแม้กระทั่งภรรยาที่อยู่กินกันมายังไม่ระแคะระคายแล้วคนอื่นจะทราบได้อย่างไร

สาเหตุของการเป็นเกย์

ภาพ:GayGay_12.jpg


         ผู้ชายหลายคนกว่าจะรู้ว่าตัวเองเป็น “เกย์” เป็นผู้ชายที่มีความต้องการและมีความสุขในการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกันก็หลังจากแต่งงานมีภรรยา มีลูกแล้ว ที่สหรัฐอเมริกา Homosexual ไม่ถือว่าเป็นโรคทางจิตเวช ดังนั้นจึงไม่มีการรักษามีผลการวิจัยจากฝาแฝดแท้เพศชายหลายคู่ที่แยกกันอยู่ตั้งแต่ยังเด็กพบว่า ถ้าคนใดคนหนึ่งเป็นเกย์อีกคนก็จะเป็นเกย์ด้วย ผลการวิจัยนี้สอดคล้องกับการวิจัยที่ระบุว่าเกย์เป็นการติดต่อทางพันธุกรรมเกิดจากเกย์ยีนที่ชื่อว่า Xq 28 ซึ่งอยู่ในโครโมโซม X

         คำถามที่ว่า " อะไรคือสาเหตุของการเป็นคนรัก เพศเดียวกัน ? " ดูจะเป็นคำถามยอดฮิต ที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ แต่ในฐานะที่ผู้เขียนเองเป็นเกย์ และคร่ำหวอดอยู่กับสิ่งแวดล้อมของคนรักเพศเดียวกันมานานนักหนา จึงคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์บ้างหากจะประมวลความคิดเห็นของตัวเอง มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นการปูพื้นไปสู่ความเข้าใจกลุ่มคนรักเพศเดียวกันให้มากยิ่งขึ้น

         สาเหตุของการเป็นคนรักเพศเดียวกันในความคิดเห็นของผมน่าจะมีสาเหตุหลัก ๆ 5 ประการคือ

[แก้ไข] เป็นเรื่องของ genetic

         ซึ่งจะเกี่ยวโยงกับ gene ที่ทำให้ hormone ต่างๆ ผิดไปจากคนส่วนใหญ่ ซึ่งขณะนี้นักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งกำลังศึกษาค้นคว้าอยู่ อาทิ เช่น ดร.เลอเวย์ ชาวฝรั่งเศสได้ทำการศึกษาไว้ว่ารอยหยักของกระโหลกศีรษะของผู้ชายชอบผู้หญิงกับผู้ชายชอบผู้ชายนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญ ถ้าเรื่องของ gene ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการแล้วละก็ กระบวนการทุกเรื่องอันเกี่ยวกับคนรักเพศเดียวกันก็จะถูกมองเปลี่ยนแปลงไป คือพูดง่ายๆ ว่า ความเชื่อว่าโลกมนุษย์มีแค่ 2 เพศก็จะถือว่าไม่ถูกต้องอีกต่อไปแล้วนั่นเอง กลุ่มนี้น่าที่จะถูกเรียกว่า " Born to be " คือ " เกิดมาเป็น " คงไม่ต้องมาคิดแก้ไขอะไรอีกเลย หรือถ้ายังคิดรังเกียจพวกเราอยู่อีกละก็คงต้องจัดการตัดต่อ gene กันในระดับนั้นเลยทีเดียว เอาเป็นว่าฝากไว้เป็นแง่คิดก็แล้วกันว่าโลกของความเชื่อที่ว่าเกิดมาเป็นเพศนี้ดีกว่าเพศนั้นสร้างปัญหาจนกลายเป็นความเสื่อมของโลกตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน แก้ไขกันไม่หวาดไม่ไหว

[แก้ไข] เป็นเรื่องของการเลี้ยงดู

         ประเด็นนี้พูดกันมากที่สุด และเชื่อกันว่าคนรักเพศเดียวกันมีสาเหตุมาจากความใกล้ชิดกับเพศตรงข้ามของตนมากเสียจนรู้สึกชินชาในที่สุดก็ไม่เกิดความรู้สึกทางเพศด้วย เช่น เด็กผู้ขายถูกแม่เลี้ยงดูใกล้ชิดมากเกินไปโดยพ่อไม่มีบทบาทหรือมีบทบาทน้อยเกินไปทำให้ลูกชายเกิดพฤติกรรมเกย์ เป็นกะเทยหรือเด็กผู้หญิงถูกเลี้ยงดูแบบเห็นพ่อทำร้ายแม่อยู่เป็นประจำเลยเกิดความเกลียดชังเพศพ่อเห็นอกเห็นใจแม่ กลายเป็นผู้หญิงรักผู้หญิง ที่เรียกกันว่า " ทอม" เป็นต้น กรณีเหล่านี้ก็ยังมีข้อโต้แย้งที่ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน

         เรื่องที่ว่า บทบาทพ่อกับแม่แค่ไหนถึงจะเรียกว่าได้ว่าพอดีนั้นก็ยังมิได้มีการศึกษาอย่างละเอียดละออ สังคมก็เลยยังไม่มีคำตอบในเรื่องเหล่านี้ ส่วนตัวผมเองจากประสบการณ์ที่ผ่านมามีความเชื่อว่าเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงสมควรที่จะได้มีโอกาสรับรู้ข้อมูลของทั้งเพศแม่และเพศพ่ออย่างละเอียด พ่อและแม่มีหน้าที่ชี้แจงให้ลูกๆ ได้รู้ว่าพวกเขาถือกำเนิดมาด้วยลักษณะของการเป็นคนเพศใดหากลูกได้รับข้อมูลครบถ้วนแล้ว เขาและเธอยังเป็นคนรักเพศเดียวกันอีกละก็ ผมก็ถือว่าพ่อและแม่ต้องเคารพการตัดสินใจของพวกเขาและไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะพยายามผันพวกเขาให้กลายเป็นสิ่งที่ไม่อยากเป็น หรือที่เรียกว่า ทำให้เขาผิดปกติไปจากที่เขาเป็นหรือชอบอย่างเด็ดขาด เพราะนั่นจะเป็นการนำความทุกข์มาสู่ลูกของตนเองอีกทั้งผูกโยงความทุกข์นี้เข้ากับบุคคลอื่นที่จะก้าวเข้ามาในชีวิตของพวกเขาและเธออีกเป็นจำนวนเป็นมาก

[แก้ไข] เป็นเรื่องของการกลายมาเป็น

         เรื่องนี้ ถือเป็นเรื่องใหม่ ซึ่งจากการสอบถามเด็กหนุ่มขายบริการทางเพศมากมาย ได้รับรู้เรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่ผ่านชีวิตของการมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงมาพอสมควร และด้วยความจำเป็นทางเศรษฐกิจ พวกเขาต้องเข้ามาทำงานเป็นบริกรชายในบาร์เกย์ ซึ่งงานบริการทางเพศที่หลายคนต้องฝืนทำในระยะแรกนั้นกลับกลายเป็นความเคยชินและในท้ายที่สุดหลายคนในจำนวนนี้ กลายเป็นคนรักเพศเดียวกันไปเลยก็มี หรือที่กลายเป็นคนรักสองเพศ (bisexual) ก็มาก

         กรณีนี้น่าที่จะรวมถึงเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงในโรงเรียนประจำที่เราได้ยินว่ามีพฤติกรรมรักเพศเดียวกันสูงมาก อันเนื่องมากจากพวกเขาอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ มีความรู้สึกและต้องการทางเพศมาก การหาทางระบายออกทางเพศจึงเป็นเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้น และเพื่อความสะดวก การใช้เพื่อนหรือรุ่นพี่รุ่นน้องในกิจกรรมนี้จึงนำไปสู่พฤติกรรมรักเพศเดียวกันในที่สุด เรื่องนี้น่าที่จะจัดรวมผู้ต้องขังเข้าไปด้วย เพราะจะมีพฤติกรรมทางเพศกับเพศเดียวกันสูง ส่วนที่ว่าจะติดตรึงใจถึงขั้นปลูกฝังเป็นนิสัยเลยหรือเป็นพฤติกรรมชั่วระยะเวลาหนึ่งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลและระยะเวลาตลอดจน Factors อื่นๆ อีกซึ่งคงจะเป็นเรื่องที่ต้องวิเคราะห์กันต่อไ

[แก้ไข] เป็นเรื่องของความเบื่อหน่ายทางหนึ่งนำไปสู่ความตื่นเต้นเร้าใจกับอีกทางหนึ่ง

         ตัวอย่างในเรื่องนี้เห็นจะได้แก่ผู้หญิงที่อยู่กินฉันท์สามีภรรยากับผู้ชายโดยมิได้รับความรักความอบอุ่น บ้างก็ถูกลงไม้ลงมือหรือเมามาทีไรก็มาใช้ภรรยาเป็นที่ระบายอารมณ์ใคร่ กรณีเหล่านี้ผู้หญิงจำนวนหนึ่งอาจจะหันหน้าเข้าหาความรักความอบอุ่นจากเพศหญิงด้วยกันได้อย่างที่จะได้ยินเสมอๆ ว่า ผู้หญิงย่อมเข้าใจผู้หญิงด้วยกันเองมากกว่า หรือในกรณีผู้ชายบางคนที่ไม่ได้รับความสุขทางเพศจากแม่บ้านเป็นระยะเวลานานๆ พวกเขาอาจจะหันมามีความสัมพันธ์กับเกย์หรือกะเทยได้ง่ายขึ้น เพราะการหันไปหาผู้หญิงอื่นในบางรายก็ไม่สะดวกในทางปฏิบัติ เพราะการมีภรรยาเก็บหรือภรรยาน้อยนั้นเป็นเรื่องที่ต้องลงทุน อาจจะถูกเรียกร้องจากผู้หญิงทั้งในเรื่องเงินทองและสิทธิต่างๆ ถือว่าเป็นเรื่องเสี่ยงต่อการสูญเสียมากมาย การหันมาหาเกย์หรือกะเทยจึงเป็นเรื่องสะดวกกายสบายใจมากกว่า ทุกอย่างจึงเปรียบเสมือนการผ่าทางตันของผู้ชายจำนวนไม่น้อยและเมื่อปฏิบัติอยู่เป็นประจำ พวกเขาจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมคนรักเพศเดียวกันไปในที่สุด

[แก้ไข] เป็นเรื่องของการทดลอง

         เราต้องยอมรับว่าหากจะเปรียบผู้ชายชอบผู้หญิง (heterosexual men) เป็นสีดำสนิท ผู้ชายชอบผู้ชาย (homosexual men) เป็นสีขาวสนิทแล้วละก็ เรายังคงมีผู้ชายอีกเป็นจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้ดำสนิทหรือขาวสนิท หากแต่พวกเขาจะเป็นสีเทา จะเทาแก่หรืออ่อนอย่างไรก็สุดแท้แต่การพัฒนาชีวิตของพวกเขาตั้งแต่เยาว์วัยจนถึงปัจจุบัน ผู้ชายสีเทาจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้รังเกียจการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน ประกอบกับวัฒนธรรมของคนไทก็ไม่ได้เข้มงวดนักกับเรื่องของพฤติกรรมรักเพศเดียวกัน จึงเปิดช่องให้เกิดการทดลองเรียนรู้สิ่งแปลกๆ ในชีวิต ด้วยธรรมชาติที่ไม่รังเกียจประกอบกับผมกระทบที่จะเกิดขึ้นมีน้อย จึงทำให้การทดลองนี้เกิดขึ้นได้ง่ายและในวงกว้างด้วย ผมขอยืนยันสาเหตุข้อที่ 5 นี้ด้วยคำกล่าวของใครก็มิทราบได้ หากแต่ได้ยินมานานมากแล้วว่า " ชายฟันชายคือยอดชาย"

[แก้ไข] แบบไหนเรียกว่าเกย์

         คนที่มีลูกออกอาการกระตุ้งกระติ้งมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย อาจทำใจยอมรับได้มากกว่าคนที่ลูกมาบอกว่าเป็นเกย์ เอาเมื่อโตเป็นหนุ่ม โดยไม่มีวี่แววมาก่อนว่าลูกจะเบี่ยงเบน . . .อันที่จริง คนเป็นเกย์นั้นไม่ได้แสดงออกเหมือนผู้หญิงเสมอไป เกย์คือคนที่เกิดความรู้สึกทางเพศกับเพศเดียวกัน แล้วก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่ชอบเพศเดียวกันเป็นเกย์ทุกคน ความรู้สึกนี้อาจจะเกิดขึ้นกับคนบางช่วงขณะที่กำลังมีพัฒนาการทางเพศ เมื่อเวลาผ่านไปเขาจะหันไปชอบเพศตรงข้าม แต่ถ้าความรู้สึกนี้ยังไม่หายไป เป็นไปได้ว่ามีความเบี่ยงเบนทางเพศ

         แต่ก่อนจะสรุปได้ว่า เป็นเกย์หรือไม่เป็น หลายคนใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองนานหน่อยเพื่อให้แน่ใจ บางคนผ่านการทดลองคบเพศตรงข้ามเป็นแฟนมาก่อนด้วยซ้ำไป และบางคนก็รอเวลาเหมาะสมที่จะเปิดเผยตัวตน หรือบอกพ่อแม่ ยังมีบางคนคนที่รู้สึกชอบทั้งเพศหญิงและเพศชายเรียกว่า ไบเซ็กช่วล

วิธีสังเกตว่าเป็นเกย์

ภาพ:GayGay_13.jpg


วิธีการสังเกตดังนี้

[แก้ไข] อากัปกิริยา

         วิธีการนี้ดูง่ายที่สุด เพราะบุคลิกลักษณะเป็นสิ่งที่แสดงออกมาตรงธรรมชาติมากที่สุด นอกจากว่าคู่กายของคุณสามารถแสดงบทบาทหลอกคุณได้อย่างแนบเนียนมาก ให้คุณดูมือไม้ การออกท่าออกทาง ฟังน้ำเสียงเจรจา เช่น เป็นชายก็จะทำกิริยากระตุ้งกระติ้งคล้ายดังหญิง เป็นหญิงก็ห้าวหาญแกร่งกว่าชาย แต่ก็พึงระวังอย่าใช้การสังเกตในข้อนี้มาเหมาสรุปง่ายเกินไป เพราะกิริยาท่าทางบางคนก็เป็นเพราะติดจากบรรพบุรุษหรือเกิดจากอารมณ์จิตใจที่สุนทรีย์มากกว่าปกติ ทั้งที่จิตใจทั่วไปเหมือนปกติชนทั่วไป ผู้ชายบางคนอาจจะชอบพูดจ๊ะ จ๋า จนเป็นนิสัยหรือผู้หญิงบางคนก็พูดฮะ พูดครับจนเคยชิน เป็นต้น

[แก้ไข] ดูจากแววตา

         เทคนิคการสังเกตวิธีนี้เหมาะกับการดูผู้ชายจะเห็นได้ชัดหรือพูดง่ายกว่าดูผู้หญิง เพราะผู้หญิงส่วนมากจะมีตาหวานหรือแววตาอ่อนที่เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว แม้บางคนจะมีแววตาแข็งกร้าวมากเพียงใดก็ยังไม่สามารถวัดใจว่าเธอเป็นทอมหรือดี้ได้ นอกจากว่าเธอได้แสดงออกหรือต้องการสื่อตรงๆ เช่น ซอยผมให้สั้นเหมือนดังชาย แต่งตัวใส่กางเกงให้คล้ายผู้ชายให้มากที่สุด ส่วนผู้ชายนั้นถ้าเห็นแววตาเชื่อมหรือการชม้อยตาเป็นนัยกับผู้เพศเดียวกันละก็ให้สันนิษฐานก่อนว่าใช่เลย ข้อพึงระวังก็คือ ผู้ชายบางคนก็มีนัยน์ตาสวยกว่าผู้หญิงก็มี ถ้าเป็นเช่นนี้ก็คงต้องดูผลจากข้ออื่นประกอบร่วมด้วยละครับ

[แก้ไข] การคบเพื่อน

         สมมติว่าคุณได้แต่งงานกับคู่ของคุณ ลองดูซิว่าเขายังติดเพื่อนสนิทเพศเดียวกันในช่วงระยะก่อนแต่งและหลังแต่ง ยังคงซี้ปึ๊กเหมือนเดิมอีกไหม นอกจากนี้ยังจะเห็นการสนิทที่มากเกินไป ดูประหนึ่งอนาทรร้อนใจซึ่งกันและกันจนดูแล้วชักจะมากกว่าเป็นเพียงแค่เพื่อนสนิทคนหนึ่ง หรืออาจจะเห็นการหึงหวงในตัวคุณเข้าอีกละก็ใช่เลยเช่นเดียวกัน บางคนก็รักที่จะคบหากันกับกลุ่มเพศเดียวกันมากกว่าปกติจนเห็นได้ชัด ก็มีส่วนเป็นไปได้เหมือนกัน แต่ข้อนี้ก็มาทึกทักง่ายๆ ไม่ได้เหมือนกัน เพราะผู้ชายบางคนช่างติดเพื่อน ขี้เหงาจนเป็นนิสัย เคยสังสรรค์เฮฮาเข้าสังคมเป็นประจำ จะมาห้ามเขาก็ไม่ได้ หรือผู้หญิงบางคนเคยอยู่แต่โรงเรียนมีสตรีล้วน ไม่เคยมีเพื่อนชายมาก่อน ดังนั้นเพื่อนสนิทจึงเป็นเพศเดียวกันแน่นอน ดังนั้นวิธีการสังเกตข้อนี้ ตัวคุณต้องมีสายตาที่ชำนาญในการแอบดูพฤติกรรมอยู่บ้าง

[แก้ไข] เซ็กซ์

         ข้อนี้มีส่วนสำคัญมากพอดู วิธีการนี้เหมาะกับคู่ที่แต่งงานแล้วนะ คู่ที่เป็นเพียงแต่แฟนขอให้ผ่านไปก่อน ข้าพเจ้าคงไม่ต้องบรรยายหรอกนะว่าให้ดูอย่างไร สังเกตว่าเขาหรือเธอมีข้ออ้างบ่อย มากน้อยประการใด ดังที่เคยบอกไว้แล้วว่า คนที่ไม่ชอบทำอย่างไรก็ฝืนความรู้สึกตนเองไม่ได้ คนที่ชอบเพศเดียวกันจริงๆ ในกรณีที่มิได้เป็นพวกไบเซ็กซ์ช่วลนั้น จะไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมกับเพศตรงข้ามจนเห็นได้ชัด แต่ก็ต้องดูรูปร่างนิสัยตัวคุณเองประกอบด้วยละว่าพอไปวัดไปวาได้ไหม หรือคู่คุณมีอารมณ์ลึกล้ำประการใด มิใช่แต่โทษคู่ของคุณฝ่ายเดียว นะจะบอกให้

[แก้ไข] สืบประวัติบรรพบุรุษ

         พูดง่ายๆ ก็คือดูโครตเหง้าคู่หรือแฟนคุณด้วยว่าเคยมีญาติพี่น้อง พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย มีพฤติกรรมเช่นนี้บ้างไหม เพราะสามารถสืบต่อทางกรรมพันธุ์ได้ หรืออย่างน้อยก็มีการเลียนแบบตามกันได้ ดังสุภาษิตที่ว่า ดูช้าให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ นั่นแล

[แก้ไข] สถานการณ์เกย์

         ประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่ที่มีจำนวน "ประชาเกย์" มากติดอันดับโลก (หากจำไม่ผิด เห็นจะได้เป็นอันดับสองรองจากอัมสเตอดัม). โดยส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่า น่าจะมีเหตุมาจาก ทัศนคติแนวรักสงบ ไม่ใช้ความรุนแรงในการตัดสินปัญหา อะลุ่มอล่วย ไม่รังเกียจเดียดฉันท์ ของคนไทย อันเนื่องมาแต่อิทธิพลของศาสนาพุทธ 1 การเลี้ยงดูลูกแบบใกล้ชิดแม่มากกว่าพ่อ 1 ลักษณะทางสถาบันครอบครัวที่เปลี่ยนไปตามการพัฒนาของสังคมยุคใหม่ กล่าวคือ มีอัตราการหย่าร้างสูงขึ้น ลูกจึงได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อหรือแม่เพียงคนใดคนหนึ่ง (หรือแม้แต่พี่เลี้ยง เพราะพ่อหรือแม่ไม่มีเวลา) 1 ตลอดจนลักษณนิสัยโดยทั่ว ๆ ไปของคนไทยส่วนใหญ่ ที่ขี้เล่น ชอบสนุก ไม่ใคร่จะจริงจัง อันเนื่องมาแต่อิทธิพลของอากาศแบบเมืองร้อนอีก

         ไม่ว่าจะเป็นกะเทย, เกย์, ทอม, ตุ๊ด, ดี้, ชายแต่งหญิง, หรือหญิงแต่งชาย รักร่วมเพศมีประวัติย้อนกลับไปถึงสมัยสยามโบราณ ดังจะเห็นได้จากหลักฐานว่าด้วยการ "เล่นสวาท" (เลี้ยงเด็กชายเป็นลูกสวาท--นิยามโดย พจนานุกรมสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕) ในสมัยรัชกาลที่ 3 และการบัญญัติสำนวน "เล่นเพื่อน" (คบเพื่อนหญิงด้วยกันต่างชู้รัก--ราชบัณฑิตยสถาน) ขึ้นใช้ในสมัยรัชกาลที่ 4 เพื่อปรามและดัดพฤติกรรมของสตรีชาววังทั้งนั้น มองย้อนกลับไปก็รู้สึกเศร้าและเสียดายแทนเกย์ในสมัยก่อน ที่ไม่ได้รับการยอมรับเท่าไรนัก

         ทว่า เมื่อมอง ณ จุดปัจจุบัน หลังจากที่ American Philological Association (APA) ได้ตัดสินใจเลิกตราหน้าว่า รักร่วมเพศเป็นโรคจิตเภทแบบหนึ่งแล้ว โลกก็ดูจะเข้าใจเกย์มากขึ้น สังคมไทยเองก็มีการเปิดกว้างและยอมรับรับรู้ความเป็นจริงมากขึ้นในปัจจุบัน

         เมื่อมองดูให้ลึก ๆ แล้ว แม้สังคมไทยจัดเป็นสังคมแบบไม่เกลียดกลัวเกย์ (กล่าวโดยรวมทั้งเกย์ชายและหญิง--ผู้เรียบเรียง) จนขึ้นสมองอย่างอีกหลายประเทศทั่วโลก ทว่าคนไทยหลายคนก็มีทัศนคติต่อต้านเกย์ในระดับที่แตกต่างกันไป เมื่อคนเหล่านั้นเผอิญได้เป็นเจ้าใหญ่นายโตขึ้นมา ทัศนคติต่อต้านเกย์ของพวกเขาก็จะไม่เป็นเพียงทัศนคติอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นการลงมือปฏิบัติและต่อต้านอย่างจริงจังถึงขั้นนโยบาย (ดังที่ FloatingLotus.com ได้ติดตามนำเสนอไว้ที่หน้ารวมข่าวนี้)

         งานการสำรวจสอบถามความคิดเห็นหลายชิ้นได้เผยให้เห็นว่า ประชาชนคนไทยทั่ว ๆ ไปนั้นหาได้สนับสนุนอคติอันเนื่องด้วยการต่อต้านเกย์ไม่ นักท่องเที่ยวชาวเกย์ต่างชาติ (ที่เข้ามาชื่นชมและสัมผัสเสน่ห์ความงามของหนุ่มไทยนั้น) ก็สามารถคาดหวังที่จะได้รับประสบการณ์เชิงบวกจากประเทศไทยได้ ตราบใดก็ตามที่พวกเขารับวัฒนธรรมไทยได้ไว มีความสุภาพ เคารพกฎหมายไทย และประพฤติตัวอย่างมีเกียรติและวิจารณญาณ (ที่มาดั้งเดิม)

         อย่างไรก็ตามในสังคมไทยมีมากถึงร้อยละ 10 ของประชากรชายที่เป็นเกย์ โดยเป็นเกย์ที่แอบแฝงสูงถึงกว่าร้อยละ 60 ที่กล้าเปิดเผยไม่ถึงร้อยละ 40 ซึ่งข้อมูลนี้ใกล้เคียงกับองค์การอนามัยโลก เกย์ในสังคมไทยถูกกีดกันและทำให้เป็นอื่น ทั้งเรื่องความเป็นอยู่ในสังคม การทำงาน ซึ่งพบว่า ผู้ที่เป็นเกย์ส่วนใหญ่จะไม่ได้รับความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เพราะถูกจำกัดที่ความเป็นเกย์ ส่วนใหญ่เกย์ไทยจะกล้าเปิดเผยก็ต่อเมื่อมีความพร้อม มีหน้าที่การงานที่ประสบความสำเร็จแล้ว มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในฝีมือการทำงาน เช่น ศิลปินดัง นักวิชาการที่ประสบความสำเร็จ

 

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเกย์

ภาพ:GayGay_14.jpg


         1.เกย์ไม่ใช่คนผิดปกติ

         เกย์ไม่ใช่คนผิดปกติ วิปริตทางเพศ หรือมีความเป็นมนุษย์ต่ำต้อยกว่าคนอื่น แต่ที่เกย์หลายๆ คนรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยจนต้อง “แอบจิต” ก็เพราะกลัวว่าคนรอบข้างไม่ยอมรับนั่นเอง กลายเป็นปมด้อยที่เก็บงำไว้สุดฤทธิ์ … แต่การยอมรับของใครก็คงไม่สำคัญเท่าคนเป็นพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่ยังอับอาย เห็นว่าการเป็นเกย์ของลูกเป็นจุดด่างพร้อยในครอบครัว ลูกก็คงไม่อาจยืดอกสู้หน้าใครได้

         ลองอ่านงานวิจัยนี้. . .

  • ผู้ชายร้อยละ 37 มีเซ็กซ์กับเพศเดียวกันอย่างน้อย 1 ครั้ง
  • ร้อยละ 18 มีประสบการณ์ทางเพศทั้งกับคนเพศเดียวกันและเพศตรงข้าม
  • ผู้ชายร้อยละ 4 มีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกันตั้งแต่วัยรุ่น
  • ถ้าลูกชายของเราเผอิญเป็นหนึ่งในนั้น ก็น่าจะถือว่าเป็นเรื่องปกตินะคะ

         งานวิจัยเขายังกล่าวอ้างสมมุติฐานเรื่องเกย์อีกว่า สัตว์เกือบทุกชนิดมีพฤติกรรมทางเพศระหว่างเพศเดียวกันและยืนยันว่าไม่ใช่วัฒนธรรมสมัยใหม่ เพราะในดีตยุคโรมันก็มีพฤติกรรมรักร่วมเพศอย่างเปิดเผยและเป็นที่ยอมรับในสังคม

         สังคมไทยในปัจจุบันก็ค่อนข้างเปิดใจยอมรับเรื่องนี้ อาจเป็นเพราะบ้านเราเป็นเมืองพุทธที่มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และเข้าถึงธรรมชาติของชีวิตที่เต็มไปด้วยความแตกต่างหลากหลาย ซึ่งไม่ได้ลดทอนความเป็นมนุษย์ในตัวตนของคนๆ นั้นให้ด้อยลงไปแม้แต่น้อย เกย์ที่ประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง ทำคุณประโยชน์ให้สังคมและประเทศชาติมีอยู่ให้เห็นมากมาย และอาจจะพูดได้ว่า เกย์มีพรสวรรค์บางด้านที่พิเศษกว่าชายจริงหญิงแท้ด้วยซ้ำ

         2. เกย์ไม่ใช่โรค

         พ่อแม่หลายคนเมื่อรู้ว่าลูกเป็นเกย์ พยายามพาลูกไปหาหมอรักษา แต่การเป็นเกย์ไม่ใช่[โรค]] จึงรักษาไม่ได้ นอกเสียจากว่าเขาจะมีปัญหาที่เกิดจากความกดดัน ความขัดแย้งภายในจิตใจที่เป็นเกย์ บางคนซึมเศร้าจนอาจถึงกับอยากฆ่าตัวตาย เพราะรู้สึกว่ากำลังทำสิ่งผิดธรรมชาติ คนรอบข้างไม่ยอมรับ ฯลฯ

         3. เกย์ต้องการการยอมรับ

         เกย์หลายคนสารภาพว่า ความทุกข์ของเกย์คือการปิดบังตัวเอง ไม่ซื่อสัตย์ต่อตัวเองและคนอื่น ดังนั้นหากว่าวันใดวันหนึ่งลูกเกิดพบว่าตัวเองไม่ใช่ชายแท้ขึ้นมา เขาหวังว่าจะสารภาพกับพ่อแม่ได้ มาถึงตรงนี้ ใช่ว่าจะให้คุณพ่อคุณแม่เข้าไปคาดคั้นหรือจับผิดว่าลูกเราเป็นเกย์หรือเปล่า แต่เป็นการเตรียมทัศนคติที่ดี ขอให้รู้เถิดว่า การยอมรับของพ่อแม่และคนที่เขารักจะทำให้เขาเป็นคนที่สมบูรณ์ สามารถดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ประสบความสำเร็จได้...แม้จะเป็นเกย์

         ความเข้าใจผิดดังกล่าวนั้น นายแพทย์ยุงยุทธกล่าวว่าแบ่งเป็นหกข้อด้วยกันคือ

         1. เข้าใจผิดว่ารักร่วมเพศเป็นวิปริตทางเพศ

         ความจริงคือ ไม่ใช่ คำว่า วิปริตทางเพศในปัจจุบันมีความหมายเพียงประการเดียวครับ คือ คนที่ได้มาซึ่งความสุขและความพึงพอใจทางเพศด้วยวิธีการที่สังคมไม่ยอมรับ เช่น ถ้ำมอง ชอบโชว์อวัยวะเพศ ชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก หรือมีเพศสัมพันธ์โดยทำร้ายฝ่ายตรงข้าม ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นปัญหาของชายรักร่วมเพศ อย่างไรก็ตาม คนวิปริตทางเพศในความหมายนี้ก็เกิดขึ้นได้ทั้งคนที่รักเพศเดียวกันและรักเพศตรงข้าม

         2. เข้าใจผิดว่า คนที่รักร่วมเพศต้องมีอารมณ์ฉุนเฉียว ก้าวร้าว ปากจัด

         ความเข้าใจผิดนี้ อาจจะมาจากคาแรกเตอร์ของตัวละครบางตัวในละครโทรทัศน์ แต่จากการศึกษาเกี่ยวกับบุคลิกภาพแล้ว เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง ในเชิงวิชาการความเข้าใจผิดข้อนี้มักมาจากการศึกษาวิจัยที่มีอคติทั้งสิ้น เช่น ศึกษาวิจัยจากผู้ที่มาขอรับคำปรึกษาจากจิตแพทย์ แน่นอนนะครับคนที่มาหาจิตแพทย์นี่จะต้องมีความคับข้อ ทุกข์ยากในชีวิตอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่อาจกล่าวว่า เป็นตัวแทนของกลุ่มประชากรได้ เราไม่อาจพบความแตกต่างระหว่างคนรักเพศตรงข้ามและคนรักเพศเดียวกันในเรื่องดังนี้ คือ

         - ข้อแรก เชาวน์ปัญญา ไม่มีใครฉลาดกว่าใคร โง่กว่าใคร

         - ข้อสอง บุคลิกภาพไม่มีใครมีบุคลิกภาพแปรปรวนมากกว่าใคร เพราะคนก้าวร้าวมีทั้งที่รักเพศตรงข้ามและรักเพศเดียวกัน คมกามวิตถารก็มีทั้งคนรักเพศเดียวกันและรักเพศตรงข้ามเช่นกัน"

         3. เข้าใจผิดว่า คนที่รักเพศเดียวกันจะต้องแสดงออกให้เห็นได้ เช่น ห้าว หรือกระตุ้งกระติ้ง

         รักร่วมเพศเป็นเรื่องพฤติกรรมส่วนตัวของคนเรา ซึ่งจะแสดงพฤติกรรมภายนอกออกมาหรือไม่ ไม่เกี่ยวกันครับ มีคนที่รักร่วมเพศเป็นจำนวนมากที่มีพฤติกรรมภายนอกตามแบบแผนปรกติของสังคม

         4. เข้าใจผิด (ในทางบวก) ว่า คนที่รักร่วมเพศจะต้องมีลักษณะพิเศษ เช่น มีอารมณ์ละเมียดละไม เป็นคนเก่ง ฉลาดผิดปรกติ

         นี่ก็ไม่เป็นความจริงอีกเช่นกันนะครับ คนที่รักร่วมเพศเป็นคนธรรมดา มีความสามารถต่างๆ นานาเช่นเดียวกับคนรักต่างเพศ

         5. เข้าใจผิดอย่างยิ่งว่า พฤติกรรมของคนรักร่วมเพศ ไม่ว่าจะเป็นท่าทางกระตุ้งกระติ้ง หรือห้าว เข้มแข็ง จะทำให้คนอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กเกิดการเลียนแบบและเป็นตาม

         ในทางจิตวิทยาพัฒนาการแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะโน้มเอียงไปทางความเป็นชายหรือหญิงตามพฤติกรรมคนอื่นที่เห็นเพราะความเป็นชายและหญิง ในทางจิตวิทยามันลงหลักตั้งแต่วัยสามถึงห้าขวบ ดังนั้นที่กลัวกันว่าเด็กดูละครทีวีที่มีกะเทยแล้วจะทำให้เด็กกลายเป็นกะเทยนั้นไม่จริงเลย เช่นเดียวกับที่ครูเป็นกะเทยแล้วเด็กจะเลียนแบบก็ไม่จริง

         6. เข้าใจผิดอย่างยิ่งว่า การยอมรับคนที่รักร่วมเพศเดียวกันหมายถึงการสนับสนุนให้มีการรักร่วมเพศอยู่ทั่วไป

         หากเข้าใจอย่างนี้ก็แสดงว่า ถ้าเรายอมรับคนพิการต่อไปเราจะพิการกันไปหมด ถ้ายอมรับผู้ติดเชื้อเอดส์ ต่อไปเราจะติดเชื้อเอดส์กันหมด มันเป็นไปไม่ได้นะครับ การยอมรับคือการเคารพในตัวเขา มีชีวิตอยู่อย่างเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งนั่นไม่ได้แปลว่าเป็นการสนับสนุนให้คนอื่นเป็นตามเขานะครับ ตรงกันข้าม การอยมรับทำให้ปัญหาไม่ซ่อนเร้นเมื่อได้รับการยอมรับ คนเหล่านี้ก็จะมีความรับผิดชอบต่อสังคมไม่สร้างปัญหาให้สังคม ส่วนการที่จะป้องกันไม่ให้คนเป็นรักร่วมเพศ ต้องเกิดจากการทำความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้อย่างถ่องแท้ซึ่งตลอดมา เนื่องจากการถูกรังเกียจเดียดฉันท์ ทำให้ความเข้าใจเรื่องนี้อยู่ในวงจำกัด เราทราบแต่เพียงว่า ปัจจัยที่สำคัญนั้นจะต้องป้องกันที่การเลี้ยงดูในวัยเด็ก โดยการส่งเสริมบทบาทที่เกื้อกูลกันและสัมพันธภาพที่ดีของคนเป็นพ่อแม่

         ทั้งสองข้อหลังเป็นประเด็นที่สำคัญมาก เพราะมีคนพยายามเสนอว่า สิทธิของบุคคลกับสิทธิของชุมชนจะขัดแย้งกันได้ไหมคือ หากยอมรับพฤติกรรมรักร่วมเพศ ซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคลนั้นเท่ากับเป็นการละเมิดสิทธิของชุมชน โดยอ้างเหตุผลสองประการหลังที่ผมได้กล่าวไปแล้ว

         อย่างไรก็ตามแม้จะมีความเข้าใจผิดข้างต้นอยู่ก็จริง แต่จากการศึกษาวิจัยของทั่วโลกก็พบว่า บุคคลที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศก็มีความเสี่ยงต่อปัญหาต่าง ๆ ได้แก่

  • การพยายามทำลายชีวิตตนเอง
  • การมีชีวิตคู่ที่ไม่ยั่งยืน
  • การติดสารเสพย์ติด

         ทั้งสามประการนี้เป็นปัญหาสังคมนะครับ ไม่ได้เป็นความแปรปรวนหรือความผิดปรกติ หรือความวิตถารทางจิตเลย ทั้งสามประการนี้ เป็นผลมาจากการที่สังคมรังเกียจเดียดฉันท์ทำให้คนรักร่วมเพศต้องปิดขังตัวเอง อยู่อย่างด้อยศักดิ์ศรีและไร้คุณค่าในหลายกรณี ดังนั้นโดยตัวมันเองแล้ว เรียกว่า เป็นโรคแห่งความรังเกียจเดียดฉันท์ และในการศึกษาทางด้านจิตวิทยาสังคม เราก็พบว่า เมื่อเกิดการรังเกียจเดียดฉันท์ขึ้นที่ใด เช่น ผู้ติดเชื้อเอดส์ คนต่างผิว ต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา สามปัญหานี้ก็จะตามมาเช่นเดียวกันไม่ได้เกิดเฉพาะคนรักร่วมเพศเท่านั้น

         ถ้าไม่มีการรังเกียจเดียดฉันท์คนเราก็จะมีความสามารถในการปรับตัวมากขึ้น ไม่ต้องไปอยู่ในสถานการณ์พิเศษที่ต้องปรับตัวเป็นพิเศษ ซึ่งการปรับตัวนั้นอาจทำให้เข้มแข็งขึ้นก็ได้ หรือในทางตรงข้าม ถ้าปรับตัวไม่ได้ก็อาจนำไปสู่สภาพที่อาจต้องทำลายชีวิตตัวเอง ทำลายชีวิตคู่และใช้สารเสพย์ติด

         ถามว่า การรังเกียจนี้มีผลอย่างไรต่อสังคม มีผลมากนะครับ เพราะทำให้เกิดอวิชชา เช่น เข้าใจผิดเกี่ยวกับเอดส์ ทำให้เรารังเกียจเอดส์ และนี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เอดส์ขยายตัวแพร่หลายอย่างยิ่งทีเดียว

 เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้เป็นเกย์

ภาพ:GayGay_15.jpg


         เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้เป็นเกย์ ยังเป็นคำถามคาใจในส่วนลึกของคุณพ่อคุณแม่ทุกคน คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจจะคิดว่าที่ลูกเป็นเกย์ เพราะเกิดมาเพื่อเป็นเกย์ ที่เราเรียกกันเท่ๆ ว่า "บอร์น ทู บี" ทางหลักวิชาการบอกว่าก็อาจจะมีบ้าง แต่น้อยมาก แต่ที่เป็นกันมากนั้นมีสาเหตุมาจากเรื่องของ "แบบอย่าง" แบบอย่างที่ลูกได้เห็นได้สัมผัสซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่บ่อยๆ มีโอกาสค่อยๆ ซึมซับรับเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของจิตใจอย่างไม่รู้ตัว

         การอยู่ใกล้ชิดแม่หรือญาติที่เป็นเพศหญิงตั้งแต่เด็ก พร้อมกับเปิดโอกาสให้ลอกเลียนแบบหรือเอาอย่างการใช้ชีวิต การคิด การพูดซ้ำอยู่บ่อยๆ โดยไม่ปล่อยให้ไปใช้ชีวิตแบบที่เด็กผู้ชายควรจะเป็น ก็เป็นสาเหตุหนึ่งซึ่งชักนำให้เกิดการเบี่ยงเบนทางเพศ

         ถ้าลูกชายอายุ 5-6 ขวบแล้ว เริ่มเอาลิปสติกมาทาปากอยู่บ่อยๆ หรือชอบเล่นหม้อข้าวหม้อแกง เล่นตุ๊กตาน่ารัก ๆ หรือชอบเสื้อผ้าของผู้หญิงมากกว่าของผู้ชาย ก็อย่าได้นิ่งนอนใจเป็นอันขาดว่าเป็นเรื่องธรรมดาของเด็ก

         วิธีแก้ไขไม่ให้ลูกเบี่ยงเบนทางเพศ คงไม่สามารถแก้ได้ เมื่อลูกถลำลึกเข้าไปมากแล้ว แต่แก้ไขหรือป้องกันได้ตั้งแต่เกิด มีหลายกรณีที่ชี้ให้เห็นว่านอกจากคุณพ่อคุณแม่จะไม่ได้ป้องกันลูกแล้ว ยังส่งเสริมโดยไม่รู้ตัว เช่น กรณีที่เด็กอายุประมาณ 3 ขวบ จะชอบเล่นอวัยวะเพศของตนเอง เมื่อคุณพ่อคุณแม่เห็นเข้าก็มักจะอดดุลูกไม่ได้

         ยิ่งดุลูกมากเท่าไหร่ ก็จะเร่งให้ลูกมีโอกาสเบี่ยงเบนได้มากเท่านั้น จะทำให้ลูกมีความรู้สึกนึกคิดว่าอวัยวะเพศชายของเขาเป็นของไม่ดี เลยทำให้เกิดความรู้สึกเกลียดอวัยวะเพศของตนเองไปเลยก็มีเรื่องที่ดูเหมือนเล็กๆ แบบนี้ ก็มีส่วนทำให้เกิดการเบี่ยงเบนได้ไม่น้อย แน่นอนที่สุด ย่อมไม่ใช่สูตรสำเร็จว่า พอลูกเล่นอวัยวะเพศของตนเองแล้วคุณพ่อคุณแม่ดุปุ๊บ ลูกก็จะเป็นเกย์ปั๊บ การเบี่ยงเบนทางเพศจะเกิดจากพฤติกรรมที่สะสมครั้งแล้วครั้งเล่าจนเข้าถึงจุดที่ยากจะเปลี่ยนแปลงให้เป็นชายอย่างเดิม

         คุณพ่อคุณแม่ต้องเริ่มทำตัวเป็นแบบอย่างลูกตั้งแต่เกิด ให้ลูกรู้ว่าผู้ชายเป็นยังไง ผู้หญิงเป็นยังไง ลูกจะมีกระแสจิตและพัฒนาการเป็นไปตามธรรมชาติของเพศ แต่ถ้ามีเงื่อนไขเข้ามาเบี่ยงเบน ก็ย่อมมีโอกาสเอนเอียงไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะลูกโทน มักใกล้ชิดแม่ อาจจะเอาแม่เป็นแบบอย่าง ควรมีพ่อเป็นแบบอย่างด้วย จะช่วยทำให้ลูกเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างถูกต้องตามเพศของตัวที่เกิดมา

         บางครอบครัวที่รากฐานความสัมพันธ์พ่อแม่ลูกในครอบครัวไม่ดี เมื่อลูกเข้าสู่ระบบโรงเรียน ก็อาจพบเพื่อนชักจูงให้มีรสนิยมทางเพศที่เปลี่ยนไปได้ ลูกจะเป็นเกย์หรือไม่ ย่อมอยู่ที่การเอาใจใส่และเลี้ยงลูกด้วยความรักความเข้าใจในวัยในเพศตามธรรมชาติของเขา ถ้าคุณพ่อคุณแม่เป็นแบบอย่างที่ถูกต้อง ลูกคงไม่เรียกร้องจะเป็นเกย์แน่นอน!

เมื่อลูกเป็นเกย์

ภาพ:GayGay_16.jpg


         ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้แม่หรือพ่อยอมรับการเบี่ยงเบนทางเพศของลูก ยิ่งในวัย 12 ขึ้นไป เขาแสดงออกอย่างนี้แล้ว คงเปลี่ยนแปลงเขายาก แม้บางครอบครัวจะตะโกนเสียดังคับสังคมว่า " พวกเรายอมรับได้" ก็ตาม

         น.พ.พนม เกตุมาน แนะว่า ทางที่ดีพ่อแม่ควรทำใจยอมรับสิ่งที่ลูกเป็น มองให้ลึก นึกให้ดี เขาอาจจะถูกหล่อหลอมมาแบบนี้นานแล้ว เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นลูกของเรา แต่ถ้ายัง คิดว่าช่างทำใจลำบากเสียจริง ก็ขอให้รักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเอาไว้ เพราะไม่เพียงเป็นโซ่ทองร้อยหัวใจพ่อแม่ลูก ยังเป็นยาขนานเอกอีกด้วย

         พ่อแม่ไม่ควรตัดสิ่งดีๆ นี้ออก ให้คิดเสียว่า ยังไงเสียเราก็ยังดูแลกันได้ สอนให้เขาเป็นคนดีได้เหมือนเดิม ควรเชื่อว่าแม้เขาจะเป็นอย่างนี้ (โปรดอย่าใช้คำว่า เลือก เพราะ มันหมายถึง สิ่งที่ลูกเป็น…เป็นความผิด) เขาก็สามารถทำตัวเป็นประโยชน์ในสังคมได้ไม่แพ้คนอื่นๆ

         ทัศนคติและความสัมพันธ์ที่ดีอย่างนี้ เป็นทั้งน้ำเลี้ยงและยาวิเศษที่จะช่วยให้ลูกมีความสุข ไว้ใจ เพราะเขารู้สึกได้ว่าอย่างน้อย ก็ยังมีพ่อแม่และครอบครัวที่เข้าใจ ยอมรับ ทีนี้ก็ถึงตาพ่อแม่แล้ว ว่าจะใช้สูตรไหนช่วยหรือบอกกับลูกให้เข้าใจว่า เขาจะอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขอย่างไร เช่น ค่อยๆ พูดจาภาษาดอกไม้บอกให้เขารู้ เห็น และเข้าใจ

         เป็นต้นว่า การเป็นอย่างนี้ ลูกจะต้องถูกคนมอง ถูกล้อเลียนนะ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นลูกจะทำยังไง หรือ…ลูกควรจะปรับตัวปรับท่าทีดีมั้ย เช่น ลดกิริยาท่าทาง การพูด การเดินให้เหมือนผู้ชายมากกว่านี้ดีมั้ย จะได้ไม่มีใครล้อ

 

ภาพ:GayGay_19.jpg


         ขอย้ำว่า พ่อแม่ไม่ควรสอนหรือบอกลูกด้วยวิธีดุด่า ตีโพยตีพาย โกรธ ไม่เห็นด้วยหรือไม่เข้าใจ ละเลย หรือดึงดันที่จะพาลูกไปรักษา เพราะเชื่อขนมกินได้เลยค่ะว่า นอกจากลูกคุณไม่ต้องการอย่างนั้นแล้ว อาจจะเป็นการทำลายความสัมพันธ์อันดีของครอบครัวลงอย่าน่าเสียดาย

         ควรเข้าใจด้วยว่า การที่ลูกเป็นอย่างนี้ ในทางจิตเวชไม่ถือว่าเป็นโรคหรือความผิดปกติ แต่เป็นความพึงพอใจทางเพศที่ไม่เหมือนคนส่วนใหญ่มากกว่า คล้ายๆ เวลาเราเห็นคนที่ชอบถ่มน้ำลายลงบนถนน แล้วคิดว่าเขามีนิสัยไม่ดีบางอย่าง

         สำหรับพ่อ ถึงตรงนี้ขอให้ลดความคาดหวังจากเดิมลง เช่นว่า เขาจะต้องเป็นผู้ชาย มีบุคลิกภาพดี แต่งงาน มีครอบครัว มีความสุข ซึ่งถ้าเป็นมุมของลูกบอกได้เลยว่า ความสุขของเขาอยู่ที่การได้เป็นในสิ่งที่เขาต้องการ

         ไม่ใช่แต่พ่อแม่เท่านั้น ที่ต้องการรู้ความจริงจากปากของลูกให้รู้แล้วรู้รอดไป รวมทั้งกังวลต่อกิริยาท่าทีของลูกที่มีใจเบี่ยงเบนทางเพศ ในส่วนของลูกเอง พ่อแม่เชื่อเถอะ ว่าร้อยทั้งร้อยต้องการที่จะเปิดเผยความจริงกับพ่อแม่ไม่ต่างกัน สองหนุ่มกายเป็นชายแต่ใจเป็นหญิงที่ L&F มีโอกาสพูดคุยด้วยบอกความในใจที่น่ารับฟังว่า เขาเองก็กังวลกับท่าทีของพ่อแม่หลังรู้ความจริง กลัวสารพัดกลัวว่าพ่อแม่จะไม่รักและไม่เข้าใจเขาเหมือนเดิม และเขารักพ่อแม่เกินกว่าที่จะทำให้ท่านเสียใจ เมื่อรู้ว่าพ่อแม่รับไม่ได้กับเรื่องนี้ เขาจึงเลือกที่จะไม่เปิดเผยความจริงกับพ่อแม่ ทั้งที่ใจจริงแล้ว เขาเองก็อยากจะบอกกับท่านเหลือเกินว่า…

         ลูกเบี่ยงเบนทางเพศทุกคน อยากให้พ่อแม่เปิดใจให้กว้าง เข้าใจและยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นอยากให้พ่อแม่มองว่า สิ่งที่ลูกเป็นไม่ใช่เรื่องผิดปกติ หรือแตกต่างอะไร อยากให้พ่อแม่รักและแสดงท่าทีกับลูกเหมือนเดิมหลังจากที่รู้ความจริงแล้ว พร้อมที่จะเดินไปพร้อมๆ กับลูก ช่วยเหลือและร่วมกันแก้ไข เพื่อลดปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น

         อยากให้พ่อแม่คิดว่า นั่นคือความสุขของลูก ลูกเป็นคนดี มีความรับผิดชอบ สามารถสร้างชีวิตและอนาคตของตัวเองให้มั่นคงได้ไม่ต่างจากคนอื่นๆ ก็อย่างที่บอกละค่ะ ขอเพียงพ่อแม่เปิดใจ รับฟังความต้องการของลูก ร่วมกันแก้ไข เท่านี้ก็ถมช่องว่างระหว่างกันได้แล้ว

คำถามหยั่งเชิงว่าลูกเป็นเกย์หรือไม่

ภาพ:GayGay_17.jpg


         บางทีน้ำเสียงนุ่มหู คำถามง่ายๆ ที่สะท้อนความห่วงใยลูก อาจจะช่วยคลายปมสงสัยของพ่อแม่ที่มีต่อกิริยาท่าทีที่กระเดียดผู้หญิงของลูกได้ หรือทำให้พ่อแม่ได้เห็นมุมมองของลูกชัดเจนขึ้น แต่ก่อนจะเริ่มคำถาม พ่อแม่ควรถามตัวเองก่อนว่า พร้อมรับคำตอบนั้นมั้ย

         " ลูกมีเพื่อนผู้หญิงบ้างมั้ย แม่รู้จักหรือเปล่าจ๊ะ"

         " ลูกชอบใครแบบแฟนบ้าง พามาให้แม่รู้จักสิจ๊ะ"

         " เคยฝันถึงผู้หญิงที่ลูกรักบ้างมั้ย"

         " ลูกรู้จักคนที่เป็นตุ๊ดหรือเกย์บ้างมั้ย"

         " แล้วลูกรู้สึกยังไงกับพวกนี้"

         " ลูกคิดว่า ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว จะเป็นยังไง"

         " เคยสงสัยว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้บ้างมั้ย"

         " คิดว่าพ่อแม่เขาจะคิดยังไง"

ทำอย่างไรเมื่อรู้ว่าสามีเป็นเกย์ ?

ภาพ:GayGay_18.jpg


         เมื่อรู้ว่าสามีเป็นเกย์ ภรรยาบางคนรู้สึกเหมือนโลกถล่ม บางคนรู้สึกช็อก โกรธ อาย เจ็บปวด สับสน สงสัย โดดเดี่ยว เศร้าใจ รู้สึกถูกสามีทรยศ กลัวคนอื่นจะรู้ สงสารตนเองและลูก ประฌามตนเอง จนถึงขั้นรุนแรงมากที่สุดคือ คิดฆ่าสามี ฆ่าตนเองและลูกให้ตายพ้นความทุกข์คำปลอบใจคือ ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรอย่าคิดสั้น ชีวิตมีทางออกเสมอ

         1. ตั้งสติ ต้องตั้งสติให้ได้ เมื่อใจเย็นลงควรประมวลปัญหาข้อดีข้อเสีย สิ่งที่ทนได้รับได้ หรือสิ่งที่ทนรับไม่ได้ เพื่อรวบรวมน้ำหนักของเหตุผลที่คุณจะเลิก หรืออยู่กับเขา

การเลิกนั้น มีทั้งแยกกันถาวรและเกลียดกันไม่มองหน้ากันกับเลิกแบบเป็นเพื่อนกัน ยังไปมาหาสู่กัน

         คำว่าอยู่กับเขานั้น มีอยู่แบบไม่มีเงื่อนไขเหมือนเดิม หรืออยู่แบบไม่มีเซ็กซ์ กำหนดชีวิตแบบอิสระ ทั้งสองฝ่ายสามารถมีคนใหม่ได้

         2. ทำความเข้าใจความรู้สึกตนเอง เขา และลูก

 

ภาพ:Gaygaygay_6.jpg


         อันดับแรก หากคุณไม่รู้สึกทุกข์ เห็นเป็นเรื่องธรรมดา (ซึ่งมีน้อยมากที่เป็นแบบนี้) ก็ไม่ต้องทำอะไร แต่หากคุณทุกข์ ต้องเยียวยาความรู้สึกของตนเองให้กลับคืนสู่สภาวะปกติให้ได้เร็วที่สุดหลายคนอาศัยคนในครอบครัวญาติมิตรเพื่อนสนิท (แล้วแต่ว่าเชื่อใจและสนิทแค่ไหน) พูดคุยช่วยผ่อนคลายความเครียด บางคนอาศัยหนังสือความรู้เรื่องเกย์ บางคนอาศัยจิตแพทย์ บางคนก็เข้มแข็งมาก อาศัยการทำสมาธิ ปลงตกด้วยตนเอง

         อันดับที่สอง จับเข่าคุยกับเขาสองต่อสอง เพื่อให้ทราบความรู้สึกที่แท้จริงหรือความต้องการที่แท้จริงของเขา คุณอาจจะถอยจากการเป็นเจ้าของหรือภรรยาไปอยู่ในฐานะของเพื่อนสนิทก็ได้เมื่อมีปัญหาจะได้คุยกัน

         หากลูกโตแล้ว อาจพูดคุยกับลูกอย่างเปิดใจเรื่องพ่อเป็นเกย์แต่หากลูกยังเล็ก บางคนอาจจะปกปิดจนกว่าลูกจะเข้าใจเรื่องเกย์อย่างไรก็ตาม ครอบครัวส่วนหนึ่งจะปกปิดสังคมภายนอก เพราะกลัวมีปัญหาในสังคม อย่างไรก็ตาม ขอให้รำลึกว่า เกย์หลายคนแม้ไม่ได้เป็นสามีที่ดีอีกต่อไป แต่เขาสามารถเป็นพ่อที่ดี และเพื่อนที่ดีได้นะคะ

         3. เปิดโอกาสที่เป็นไปได้หลายๆ ช่องทาง นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณต้องทำใจยอมรับความเป็นเกย์ของสามี แต่เลือดหนทางที่ดีที่สุดโดยไม่ใช้อารมณ์ เช่น เกย์บางคนมีความรู้สึกผิด ไม่อยากเป็นเกย์ แต่เผลอไปกับสิ่งรอบข้าง หากเปลี่ยนสถานที่ทำงาน เปลี่ยนคบคน อาจจะยุติพฤติกรรมเช่นนั้นได้ ในกรณีนี้คุณควรพูดคุยให้โอกาสกลับใจ แต่บางคนก็ไม่สามารุเลิกพฤติกรรมนี้ได้ แต่ตั้งใจปกปิดความรู้สึกที่ต้องการเป็นเกย์เต็มตัว หรืออาจจะแยกกันอยู่

         4. อย่าอยู่อย่างโดดเดี่ยว การอยู่อย่างโดดเดี่ยว ย้ำคิดย้ำทำ ย้ำความเจ็บปวดกับปัญหา ทำให้หาทางออกไม่ได้ ปัจจุบันปัญหาสามีเป็นเกย์มีมากขึ้น จึงมีกลุ่มที่สามารถพูดคุยให้คำปรึกษาได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าชุมชนอินเตอร์เน็ต สมาคมเกย์ กรมสุขภาพจิต จิตแพทย์ สูติ-นรีแพทย์ ฯลฯ

ป้องกันโรคทางเพศสัมพันธ์กับเกย์ ?

ภาพ:Gaygaygay_2.jpg

 

         ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจอยู่หรืออย่ากับสามีเกย์ สิ่งสำคัญคือต้องตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในปัจจุบัน ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในอนาคต วิธีที่ดีที่สุดคือไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเลือด หากมีเพศสัมพันธ์ต้องใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง และให้สามีใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายอื่นทัศนคติของสังคมที่มีต่อเกย์

ภาพ:Gaygaygay_3.jpg


         โดยทั่วไปสังคมไทยถือว่าไม่ต่อต้านกะเทยและเกย์ (Non-Homophobic Male Sexual Culture) แต่ก็ไม่ได้นิยมส่งเสริม เพียงแต่ส่วนใหญ่มองด้วยความเข้าใจ พยายามเข้าใจ และมีเมตตา ผิดกับบางประเทศที่ต่อต้านชัดเจน ถึงกับถือเป็นเรื่องผิดกฏหมาย

         คนบางคนบางพวก อาจตั้งข้อรังเกียจ เพราะเมื่อนึกถึงอาหารประจำเผ่าของพวกเธอ คือ "ถั่วดำ" แล้วทำใจไม่ได้ ไม่แน่ใจในความสะอาดทั้งรูป รส และกลิ่น บางคนวิตกกังวลและหวาดกลัว เพราะมักได้เห็นข่าวเสมอๆว่า กะเทยเป็นพวกก้าวร้าวรุนแรง ฆ่ากันตายเพราะความหึงหวงและชิงทรัพย์เป็นประจำ ทั้งๆ ที่หลายคู่เขาอยู่กินอย่างมีความสุข แต่ไม่เป็นข่าว

         ธรรมชาติของกะเทยคือรักเพศเดียวกัน หรือมีการแสดงออกเหมือนเพศตรงข้าม นั่นคือสิ่งเดียวที่พวกเธอแตกต่างจากคนทั่วไป การตัดสินใดๆ มักเกิดจากเจตคติซึ่งได้รับการหล่อหลอมจากวัฒนธรรม ประเพณีที่ถือเป็นมาตรฐาน เปรียบเทียบเหมือนทุเรียนมีธรรมชาติเป็นสีเหลือง เนื้อนุ่ม รสหวาน กลิ่นแรง คนบางคนชอบกิน บางคนเฉยๆ และสมมติถ้าเกิดผมทนกลิ่นทุเรียนไม่ไหว กินไม่ลง ความผิดไม่ได้อยู่ที่ทุเรียน ปัญหาอยู่ที่ตัวผมแล้ว สิ่งที่ผมต้องทำคือหลีกเลี่ยง อยู่ห่างๆ แทนที่จะต้องต่อต้านทุเรียน


ทัศนคติของเกย์ที่มีต่อสังคม

ภาพ:Gaygaygay_4.jpg


         ความรู้สึกของชาวเกย์ที่มีต่อกลุ่มบุคคลต่างๆ เพราะเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ โดยสำหรับผู้อ่านทั้งที่เป็นเกย์เองหรือบุคคลที่เป็นผู้เกี่ยวพันกับเกย์ดังนี้

[แก้ไข] พ่อกับแม่

         บุคคลทั้งสองนี้เป็นที่รักยิ่งของชาวเกย์ นี้แหละที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดด้วยความรัก และความอดทนบูชาบุพการีของชาวเกย์ ซึ่งก็คงมิได้แตกต่างจากชายหญิงทั่วไป จึงทำให้พวกเราไม่อยากที่จะสร้างความผิดหวังให้กับท่านทั้งสอง เกย์หลายคนจึงต้องจำทนฝืนตนเองให้อยู่อย่างผิดธรรมชาติตลอดชีวิตเราคงเคยได้ยินคำว่า " ปลาผิดน้ำ" กันบ้างแล้ว ก็คือเป็นเกย์แต่ต้องทนทุกข์ทรมานกับการแต่งงานอยู่กินกับผู้หญิงที่ตนไม่มีทางแม้กระทั่งที่จะชอบได้ด้วยซ้ำไป นับเป็นเรื่องใหญ่ที่หนักอกชาวเกย์ทั่วไทยเลยทีเดียว

[แก้ไข] ญาติโกโหติกา

         บุคคลกลุ่มนี้ ก็ถือเป็นผู้ใกล้ชิดและมีอิทธิพลต่อชาวเกย์ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นพี่ชายน้องชาย พี่สาว น้องสาว ปู่ย่า ตายาย ลุง ป้า น้า อา รวมไปจนถึงหลายเหลนโหลน ฯลฯ บุคคลเหล่านี้มักจะสร้างความอึดอัด ลำบากใจให้ชายเกย์ไม่น้อย เพราะสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งครอบครัวไทยเป็นครอบครัวใหญ่ ใครทำอะไรกับใครก็มักจะถูกท่านเหล่านี้ต้องการรู้ ต้องการเห็นว่าทำที่ไหน ทำอย่างไร เผลอๆ ตัดสินเสียเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเรียบร้อยไปเลย จึงไม่แปลกที่เราจะได้ยินข่าวว่า พี่ชายกระทืบน้องชายที่กระตุ้งกระติ้งเพราะอยากจะเปลี่ยนรสนิยมของเขาเสียใหม่ หรือว่าพี่สาวก็รู้สึกเสียหน้าที่ใครมาว่าน้องชายเป็นตุ๊ด ลุงป้า น้าอาก็พากันประณามว่าเป็นตัวเสนียดจัญไรพาให้ครอบครัวตกต่ำเป็นถึงขั้นนี้ก็มีมิใช่น้อย นัยว่าสร้างความลำบากใจเป็นอันดับต้นๆ เช่นกัน

[แก้ไข] เพื่อน

         คำนี้ก็ความหมายกว้างไกลมาก ชายเกย์จำนวนไม่น้อยไม่กล้าแม้กระทั่งจะพูดกับเพื่อนถึงความรู้สึกของตนเองเพราะเกรงว่าจะเสียเพื่อน บ้างก็ต้องตกกระไดพลอยโจนเสียความบริสุทธิ์จะเรียกว่าเสียหนุ่มครั้งแรก ก็เพราะต้องทำตามอย่างเพื่อนเขาพา ให้ไปสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เข้าซ่องก็ต้องไปกับเขา เพราะไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นแกะดำ จนดูเหมือนว่าเกย์ในสมัยของผมนั้นจะต้องผ่านวัฏจักรนี้กันโดยทั่วหน้า เพราะส่วนตัวผมเองโชคดีที่หลุดรอดมาได้ สมัยเรียนที่ตึก 14 โรงพยาบาลจุฬาฯ ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญ หากแต่ผมมันเป็นคนดื้อ ลงไม่เห็นด้วยแล้ว จะให้ O.K. นั้นยากมากก็เลยยังคงเก็บความบริสุทธิ์ที่มีต่อเพศหญิงไว้ได้เหนียวแน่นจนถึงทุกวันนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจเหลือเกิน

         ส่วนเกย์บางรายถึงกับไปหลงรักเพื่อนเข้าให้ กลายเป็นความรักที่แสนขมขื่นต้องทุกข์ระทม ตรมตรอมเป็นระยะเวลาหลายปีก็มีบ้าง ไปทำทะเล่อทะล่าเข้าถึงกับเสียเพื่อนก็มาก เสียเพื่อนไม่พอ เพราะเพื่อนเอาเราไปโพนทนากลายเป็นขี้ปากของชาวคณะไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนพวกที่กลัวความจะแตกก็ต้องแอบรักแอบชอบเข้าข้างเดียว เรียกว่าชอกช้ำระกำใจ ทั้งขึ้นทั้งล่อง กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก กรณีหลังนี้ ผู้เขียนก็ไม่ได้รอดพ้นวิกฤตการณ์นี้มาได้เลย ต้องอกหักเพราะรักเพื่อนเสียตั้ง 3 ปีเป็นอย่างน้อย นับว่าคนกลุ่มนี้สร้างปัญหาทางใจให้ไม่น้อย

[แก้ไข] ครูบาอาจารย์

         ท่านผู้มีพระคุณกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยมไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงในทางสังคม ที่เชื่อว่าการเอาอย่างตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าพูดถึงเรื่องคนรักเพศเดียวกัน ท่านก็จะต้องนึกถึงเรื่องของการผิดศีลธรรม ผมเองเคยมีโอกาสพูดคุยกับคุณหญิง อัมพร มีสุข ท่านได้กรุณาให้สัมภาษณ์ไว้ในหนังสือเกย์ ที่ชื่อ มิถุนา ว่าถ้าหากทางโรงเรียนรู้ว่าใครเป็นเกย์เป็นตุ๊ด นโยบายทางวงการศึกษาก็คือ ต้องหาทางให้นักเรียนผู้นั้นเลิกพฤติกรรมนี้เสียให้ได้ ฟังแล้วก็ท้อใจ แล้วใครจะไปคัดค้านความคิดของบรรดาครูบาอาจารย์ท่านได้ง่ายๆ ล่ะ จะเรียกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา ยังจะเบาเสียกว่า ก็เห็นที่จะไม่ผิด

[แก้ไข] ผู้คนที่พบเห็นโดยทั่วไป

         คนกลุ่มนี้อาจจะหมายรวมถึงผู้ที่อยู่ที่ทำงานเดียวกัน หรือคนข้างบ้านเป็นต้น คนเหล่านี้ดูจะไม่ค่อยมีความสำคัญสักเท่าไร แต่มักจะเป็นตัวเสริมให้เกิดพฤติกรรมการไม่ยอมรับเพราะตัวเราไม่ใช่คนที่เขาต้องปกป้องผลประโยชน์ให้ทุกอย่างจึงออกมาทางด้านลบเสียมากกว่า คำว่า นินทา จึงกลายเป็นพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกย์ ตุ๊ด จะเป็นอาหารปากอันโอชะพูดแล้วมันยิ่งพูดยิ่งคัน ยิ่งมันก็ยิ่งขุดคุ้ย เรียกว่าถ้าทนไม่ไหวก็ต้องย้ายบ้านย้ายที่ทำงานหนีก็มีให้เห็นแล้วหลายต่อหลายราย และแน่นอนเหลือเกิน เกย์ในที่ทำงานมักจะถูกจัดให้เป็นกลุ่มคนชั้น 2 ยกเว้นงานทางด้านความสวยความงามในเรื่องของงานวิชาชีพอื่นๆ โดยทั่วไปจะถูกขีดเส้นเพดานของความเจริญในหน้าที่การงานแบบต่ำมาก จึงกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เกย์ต้องปิดบังตัวเอง เพราะถ้าเจ้านายรู้ ไม่มีโอกาสที่จะก้าวหน้าแน่ เพราะยังคงมีความเชื่อผิดๆ ที่ว่า เกย์นั้นไม่มีความหนักแน่น เป็นผู้นำไม่ได้ เกย์นั้นไม่มีบุคลิกภาพของการเป็นผู้นำ เพราะความเชื่อผิดๆ ที่ว่า เกย์คือกระตุ้งกระติ้ง ไม่ทรนงองอาจอะไร ทำนองนี้ ซึ่งเราทุกคนที่มีการศึกษาระดับนี้คงรู้กันแล้วนะครับว่า คนระดับผู้นำของชาติมีที่เป็นเกย์แล้วกี่คนเอ่ย

[แก้ไข] ตัวของเกย์เอง

         มีคนกล่าวไว้ว่า ศัตรูตัวร้ายของความเป็นเกย์นั่นก็คือ ตัวของเกย์เอง เพราะใครก็ตามที่จะเรียนรู้ที่จะเข้าใจและยอมรับในความเป็นตัวตนของตนเองแล้ว และก็จะหาความสุขความเจริญให้กับตนเองคงยากยิ่งนัก ดังนั้นในเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่ชาวเกย์ทุกคนจะได้ตระหนักถึงความรู้สึกที่เป็นพื้นฐานของชีวิตมนุษย์ อยากจะให้ลองไปเปิดเพลงฝรั่งฟังสักหลายๆ เที่ยว เพลงนี้แต่งเนื้อร้องไว้ดีมาก ผมชอบเหลือเกินตั้งแต่สมัยคุณจอร์จเบนสัน ร้องไว้จนมาถึงยุคคุณ วิทนีย์ ฮุสตัน ก็ยังประทับใจ เพลงนี้ชื่อว่า THEGREATEST LOVE OF ALL ซึ่งมีอยู่ตอนหนึ่งที่เนื้อร้องบอกไว้ว่า LEARNING TO LOVE YOUR SELF IT IS THE GREATEST LOVE OF ALL ชัดเจนนะครับ ถ้าไม่รักตัวเองแล้วอะไรมันจะดีเลิศประเสริฐศรีขึ้นมาได้อย่างไร

         ดังนั้นกรณีของชาวเกย์ฆ่าตัวตายเพราะต้องการหนีความต้องการที่แท้จริงในจิตใจของตนเองจึงยังคงเกิดขึ้น การทำร้ายตัวเองด้วยยาเสพติด อบายมุข อื่นๆ จึงยังเป็นปัญหาใหญ่ที่รอการแก้ไข ซึ่งก็ไม่เห็นมีใครคิดที่จะขยับทำเรื่องนี้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมชาวเกย์เสียที

 วัฒนธรรมเกย์

ภาพ:Gaygaygay_5.jpg


         เกย์เป็นสิ่งที่มีมานาน แต่งานเขียนเกี่ยวกับวัฒนธรรม ที่ได้รับการขัดเกลาและใช้กันในหมู่แกย์ไทยนั้นยังปรากฏมีไม่มากนัก. ผมจึงได้สร้างเว็บเผจนี้ขึ้น ด้วยจุดประสงค์คือ หวังจะให้เกิดการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับวัฒนธรรมในหมู่เกย์ไทยมากขึ้น และเพื่อรวบรวมข้อเขียนดังกล่าวที่อยู่ในสมองผม ที่ผมเคยเขียน-เรียบเรียงไว้ในอดีต และที่อยู่กระจัดกระจายตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ให้รวมอยู่ในที่เดียวกัน. แรงบันดาลใจก็ง่าย ๆ ... สนุกดีที่ได้ทำ:-) มาดูกันซิว่า วัฒนธรรมเกย์ไทยที่ผมว่านั้น มีอะไรบ้าง แล้วทำไมถึงสนุกน่าสนใจ

         เกย์มีหลากหลาย และวัฒนธรรม(?)เกย์ก็เลยปรากฏหลากหลายในระบบนิเวศน์วิทยาที่เรียกว่า "สีลมซอย 2" ดังนี้

  • เกย์อ้วน พวกนี้จะยืนอยู่บริเวณประตู เป็นมิตรกับทุกๆ คน และถ้าคุณเป็นเกย์อ้วนละก็ยินดีได้เลยว่ากลุ่มนี้ยินดีต้อนรับคุณเป็นอย่างยิ่ง คุณไปเที่ยวไม่ต้องกลัวกร่อย กลุ่มนี้น่ารัก ไม่เป็นอันตราย
  • เกย์แก่ เต้นใกล้เด็กและจิกเด็กด้วยสายตา เดินไปทางไหน ก็เดินไปทางนั้นตาม บางทีก็แกล้งเปิดกระเป๋านับเงิน ให้ดู คุณอย่าพยายามสบตาเกย์แก่โดยเด็ดขาด แล้วคุณจะขาดความเป็นส่วนตัวทันที
  • เกย์สาวแตก พวกนี้กระจายทุกหย่อม ของซอย 2 แต่บางครั้งพบพร้อมกันทีละมากๆ ในกรณีที่ตกใจพร้อมกัน คุณอาจจะตกใจได้ทันที อ้าวเมื่อกี้มันผู้ชายอยู่ นี่หว่า เปลี่ยนเร็วจัง
  • เกย์มาราธอน เดินอยู่นั่นแหละตั้งแต่เธคเริ่ม จนเธคเลิก หาที่ลงตัวไม่ได้ซักที
  • เกย์เกาะเวทีแห่งประเทศไทย เต้นบนเวที ตั้งแต่ต้น แต่เป็นข้อดีมากๆ ของเกย์กลุ่มนี้ แบบว่า All in One

         1. คุณไม่ต้องไปดู A go go Boy เพราะมีโชว์ที่นี่ หน้าตาก็ดีแถมหุ่นก็ดี

         2. คุณไม่ต้องดูโชว์ที่อื่น ที่นี่มีให้ดู เพราะคุณเธอจะออกท่าออกทางแสดงเป็นนักร้องสมบทบาทมาก ๆ แบบว่า หลอดดูดน้ำ ยังนำมาทำเป็นไมค์โฟนได้

         3. ละครสด จู่ๆก็ดูดปากกันจ๊วบจ๊าบ แบบว่ามีบทบาทชิงรักหัก สวาทกัน ดูดปากคนซ้ายที คนขวา ที บางทีก็ล้วงกันเลย เมามัน ได้อารมณ์ไปอีกแบบ แบบว่า ได้เสียว และก็สังเวช

         4. ถ้าคุณเป็นพวกทำบุญละก็ อนุโมทนา สาธุ ได้เลย มีนางชะนี ไปห้อยอยู่บนนั้นด้วย แถมแพดเสียง กรี๊ด ๆ กอดคนนั้นที กอดคนนี้ที ( มีคนมองหล่อนเยอะมากๆ ) คุณเธอก็คงภูมิใจว่ามีคนมอง อยากจะบอก พรุ่งนี้ตูต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าอีกแล้ว ตักบาตร ล้างซวย.....

         5. ได้ดู โคโยตี้บอย หุ่นก็ดี หน้าตาก็ดี ชอบๆ

         6. ข้อสุดท้าย คุณจะได้ปลงกับชีวิตการเป็นเกย์ เมื่อคุณเห็นชายคนหนึ่ง ใส่เสื้อเชิ๊ตสีเทา กางเกงดำ และท่าเต้นนั้นสุดยอดมาก ๆ ถ้าคุณเคยเห็น คนเป็นง่อย + โดนไฟฟ้าช๊อต + หน้าตาเหมือนตายไปนานมาแล้ว นี่แหละคือสถาพของเขา คุณคิดสภาพ ซิ

  • เกย์รักห้องน้ำ เข้าห้องน้ำบ่อยมากๆ และนานเสมอๆ จนสงสัยว่ามันมีอะไรดีในห้องน้ำเรอะ
  • เกย์มนุษย์สัมพันธ์ดีเด่น ยิ้มเป็นมิตรตลอด ยิ้มจน เราไม่รู้ว่ามันยิ้มให้ใคร หรือว่าเราเป็นญาติกัน
  • เกย์วิวาทแห่งชาติ เธอโวยวายแม่งตลอด มีแต่คำหยาบคาย เต้นไปด่าไป
  • เกย์นินทา ใครเดินมานินทาหมด แถมสะกิดให้มองด้วย
  • เกย์ท่องเที่ยว เจอที่ไร พึ่งกลับมาจากเมืองนอกเสมอ สิงค์โปร ฮ่องกง บ้างละ ( พวกนี้รวย ) วันดีคืนลากกระเป๋ามาฝากเลยหน้าประตู บอกว่าพึ่งจะลงจากเครื่อง มาเที่ยวต่อเลย สปริตสูงส่ง นับถือ
  • เกย์ต้อนรับ พวกนี้จะยืนอยู่ด้านหน้าเสมอ ตั้งแต่เรามา จนเรากลับ พวกนี้จะเป็นพวกที่กลับสุดท้ายเสมอ ( ขอบคุณที่รอส่งกลับบ้านค่ะ) แต่จะตามมาที่บ้านด้วยไม่ต้องหรอก เพราะว่ากลับคนเดียวได้
  • เกย์ศัลยกรรม มองแล้วมันเกินจริงไปนะ และเยอะด้วย
  • เกย์อัญมณี พวกนี้ ใส่เครื่องประชันกันแบบว่า โห คนข้างนอกนึกว่ามีงานประกวด อัญมณี คุณจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ต้นตะกูลแต่ละคน แบบว่า เจ้าคุณพ่อให้มา เจ้าคุณแม่ให้มา และแต่ละชิ้นแปลกประหลาดพิศดาล มากๆ หาดูยากมาก ทั้งเครื่องประดับและเจ้าของ
  • เกย์ลิบซิง เพลงอะไรหล่อนร้องได้หมด ไม่เหลือ ไม่ว่าจะเป็นเพลงใหม่เพลงเก่า ( แต่ไม่รู้ความหมายเพลง ) แค่ร้องได้เก่งจริง ยกนิ้วให้เลย
  • เกย์เจ้าป้า พวกนี้อายุเยอะแล้ว แต่มองไม่ออกเลย เพราะว่ายังดูเด็กมากๆ แต่อย่าให้พูดนะ เสียงแบบว่าแก่มาเชียว
  • เกย์สวย เชิด เริ่ม หยิ่ง (ไฮโซ ) พวกนี้จะเป็นกลุ่ม มาเป็นพวก จะคุยกันเองไม่คุยกับใคร เวลาเจอกันก็เอาแก้มหอมกัน เหมือนนางงาม และหน้าพวกนี้จะ บึ้งตลอดเวลาเลย ยิ่งเจอคนที่ชอบ จะแสดงออกอาการได้ชัดเลย แบบว่ามองหน้าแล้ว กรูไปทำอะไรผิดกับมึงหรือเปล่า ฟะ ( หลังจากถูกเกย์ไฮโซมองตั้งแต่หัวจดเท้า )
  • เกย์นักพูด พวกนี้มันพูดตั้งแต่มายัง ผับเลิก ความสามารถพิเศษ คือ เสียงมันสามารถ แยกออกจากเสียงเพลงได้ พวกนี้จะอยู่ทุกซอกทุกมุม
  • เกย์รักดีแจ พวกนี้จะอยู่หน้าบูทดีแจเป็นหลัก พี่เปิดเพลงอะไร ชื่อเพลงอะไร ถามแม่งทั้งคืน จนดีเจ เบื่อ(บ่นอยากลาออก)
  • เกย์รักสันโดด พวกนี้จะอยู่คนเดียวไม่ยุ่งกับใคร ไม่พูดกับใคร ไม่มีเพื่อน ไม่มีฝูง จะอาศัยตามซอกเสาต่าง หรือไม่ก็มุมหน้าห้องน้ำ จุดที่อับที่สุดของร้าน พวกนี้ไม่เป็นอันตราย
  • เกย์ยาเสพติด พวกนี้อับยาเป็นชีวิตจิตใจ ( ระวังไว้พวกนี้ ) ไม่สนับสนุน พวกนี้จะหายหัวเมื่อตำรวจมาภายในไม่กี่วินาที ข่าวเร็วมากๆ
  • เกย์ขี้เหล้า เที่ยวที่ไหร่ เมาตลอด ตั้งแต่ Pub เริ่ม ยัน เลิก พวกนี้จะโซเซไป โดนคนโน้นที คนนี้ที พอกลับบ้าน เห็นเดินแบบว่า ไม่เมาเลย เก่งจังมันทำได้ แถมมีคนกลับบ้านกับด้วย
  • เกย์รักภาษา พวกนี้จะคุยกับคนต่างชาติ ชอบอยู่กับคนต่างชาติ ไปๆมา พูดภาษาไทยไม่ชัด แบบว่าสมัยเรียนตกภาษาอังกฤษ แต่ตอนนี้มันพูดได้คล่องมากๆ เก่งจริง ตอนนี้เห็นว่าเรียน ภาษาจีน เยอรมัน เพิ่มอีก เฮ้อแล้วทำไมไม่เรียนให้มันจบ จะได้ทำมาหากินอย่างอื่นๆ
  • เกย์รักเด็กเสเพล พวกนี้จะมีอยู่ทั่วไป ชอบลวนลาม จับโน่นจับนี้ ของเด็กแล้วก็กริ๊ดกัน เฮ ฮา ไปนั้น

คำเตือน คุณอาจจะได้รับรู้ว่า เบอร์ 43 นั้น มันดีอย่างไร (รองเท้า )

  • เกย์รักซอย 2 พวกนี้มีมาก เจอได้ทุกเทศกาล ยกเว้นวันหยุดของผับ ขอให้ได้เดินผ่านไปดูประเหล็กก็ยังดี และได้ดมกลิ่นไอเก่า ก็ยังดี
  • เกย์มารยาทดีเด่น พวกนี้จะยกมือไว้ สวยๆ แบบการบินไทย ยังอาย แบบว่า สวยๆ จริงๆ นึกว่า แอร์มาเอง
  • เกย์รักโทรศัพท์ พวกนี้คุยโทรศัพท์ได้ทุกสถานที่ ไม่ว่าห้องน้ำ มีความสามารถพิเศษ สามารถคุยในที่เสียง ดังๆ ได้ หรือไม่ก็วิ่งเข้าวิ่งออก อยู่นั่นแหละ บางครั้งคุณจะได้เห็นละครชีวิต เพราะกลับมาทั้งน้ำตา หรือไม่ก็ รอยยิ้ม ( โดนแฟนบอกเลิก )
  • เกย์รักผัวเขา พวกนี้เมื่อเจอผู้ชายหน้าตาดีๆ จะบอกว่า ผัวเก่า เสมอ กิ๊กกันบ้าง อวดเพื่อนๆ
  • เกย์รักน้ำหอม พวกนี้จะใส่น้ำหอมแบบว่า

         1. เจลใส่ผมยี่ห้อดัง หอมมากๆ

         2. โรลออน หอมอย่างแรง

         3. น้ำหอม แบรนด์ดัง

         สามอย่างบวกรวมกัน คุณจะได้รู้เลยว่า ขยะเวลามันเน่ากลิ่นมันเป็นอย่างไร

  • เกย์เที่ยวมาราธอน เมื่อเลิกจากดีเจ ต่อด้วยก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม ข้าวมันไก่ อีก 1 บวกด้วย ลูกชิ้น และเดินไปต่อที่ ซอย 6. จนถึงเช้า
  • เกย์รักซาวน่า พวกนี้คือพวกพันธมิตรกับ สมาคมเที่ยวมารธอน

         1. ซาวน่าบาบีลอน + ซอย 4 + DJ + ซอย 6

         2. ซาวน่าบาบีลอน + DJ + ซอย 6

         3. ซาวน่ามาเนีย + ซอย 4 + DJ + ซอย 6

         4. ซาวน่ามาเนีย + DJ + ซอย 6

         5. ซาวน่าบาบีลอน + ซอย 4 + ซอย 2 + ซอย 6. + ( ห้องคนอื่น )

 

ภาพ:Gaygaygay_1.jpg

 

  • เกย์เด็กนอก (เป็นเกย์ที่น่ารักเกียจมากถึงมากที่สุด ) พวกนี้จะเป็นเด็กจบนอก แบบว่าไปลงคอร์ดสั้น 3 เดือน หรือ 6 เดือน พูดจาไม่ไว้หน้าใคร แรงสุด ใช้กระเป๋า เสื้อผ้า จะเป็น แบรนด์นม ทุกอย่าง ( ลองเปิดกระเป๋าดูได้เลย ว่าคุณเธอจะมี น้ำหอม Size ขวดใหญ่ อยู่ในกระเป๋า ) บางที ก็จะเปิดมาฉีดน้ำหอมให้เพื่อนดู กว่าจะเก็บใส่กระเป๋าได้ก็ต่อเมื่อ เพื่อนถามว่า " เธอๆ นี่ยี่ห้ออะไรเนี่ย และคุณเธอก็จะบอกแบบกระแดะว่า อ๋อยี่ห้อ…ซื้อมาจาก…ใช้มานานแล้ว…เบื่อเลยไม่ได้ใช้ ซื้อตั้งแต่สมัยเรียน…ประมาณ…ดอนล่าาาาาร์ หรือเป็นเงินบาทประมาณ… ( ทำหน้าภูมิใจเล็กน้อย ) และสิ่งที่คุณต้องจำไว้เสมอเลย ถ้าคุณมีเรื่องอะไรในใจ เรื่องงาน เรื่องการค้า หรือผู้ชาย ที่ส่วนตัวมากๆ กรุณาอย่างเล่าให้มันฟังโดยเด็ดขาด เพราะว่าเมื่อเวลาเมื่อคุณทะเลาะกันคุณเธอแล้ว บางที่คุณเธอจะหยิบประโยชน์ พวกนี้มาว่าคุณได้ และทำให้คุณเสียใจ และเสียความรู้สึกมาก และคุณเธอก็จะตอแหลว่า "เราอยู่เมืองนอกมานาน การพูดจาก็เลยไม่ดี" มันเหมือนกับว่าคุณเธอ ถอดรองเท้าส้นสูง มาตบหน้าอย่างแรงๆ แล้วก็มาขอโทษ แต่บางทีมันก็ไม่ขอโทษ ทำเป็นเฮฮาไปเรื่อยๆ
  • เกย์ชอบพูดไทย คำอังกฤษ คำ และจะ ออ..อืม เวลาพูดติด + (ทำหน้าคิดหนัก) ตาจะมองไปด้านซ้าย หรือ ขวาบน (อยากจะบอกว่า วันนั้นก็เห็นด่ากับแม่ค้าหน้าบ้าน ทุกประโยค ชัดถ้อยชัดคำมากๆ แบบว่าไม่ต้องมานั่งนึกเลย แถมอนุรักษ์ภาษาโบราณ ขุดขึ้นมาด่าได้อีก ไปๆมาก ลาก โครตเง่าศักราช แถวด้วย ฟาร์มสัตว์เลี้ยวขนาดใหญ่ ตามมาด้วย อืม ฟังแล้วรื่นๆ หูมาก ๆ) พวกนี้จะเป็นผู้นำแฟนชั่น คุณอยากรู้ว่ามันฤดูอะไร ฝนจะตก แดดจะออก อากาศหนาว เกย์กลุ่มนี้สามารถใส่เสื้อผ้ามาเที่ยว ได้ถูกต้องและแม่นยำ และมีความพร้อมเสมอรับทุกสถานการณ์ เวลามาถึง ก็จะบอกว่า รถติดมากๆ ร้อนด้วย วันนี้ไปเดินช๊อป…ซื้อของหมดไปตั้ง…ไม่ได้อะไรมาเลย เหนื่อยจัง…

         แนะนำ ถ้ามาเที่ยวกับพวกนี้ อย่างเปิดเหล้าโดยเด็ดขาด โปรดระวัง เพราะว่าคุณเธอก็จะพาคนโน้น คนนี้มานั่งโต๊ะ 10 กว่าคนภายใน 3 ชม แบบว่าเหล้าเขาก็จะเติม เหล้า เติมน้ำแข็งให้ เขา แบบว่าอยากได้เขามาเป็นผัว เลยเอา Mixer เข้าแรก ( วันหลังจะเอาป้ายมาติดที่โต๊ะ เหล้าการกุศล ) พอจ่ายเงิน ก็มาหารกัน แต่หล่อนก็จะบอกว่า ไม่ได้เอากระเป๋ามาออกไปก่อน ค่อยมาเก็บทีหลัง วันต่อมา ทำหน้าตาแบบว่าไม่เกิดอะไรขึ้น

  • เกย์เขาว่าเขาเหมือน คุณจะได้พบคนที่บอกตัวเองว่าหน้าตาเหมือน บางวันมันบอกเหมือน Britney Spears บางวัน Shakira หรือไม่ก็บางวัน เหมือน Beyonce พร้อมเรียนแบบเต้นท่าเหมือน ดูไป ดูมา เหมือน บานเย็น ราบเก่น + จินตรา พูลลาถ พ่วงด้วยพรศักดิ์ ส่องแสง

พจนานุเกย์

ภาพ:Gaygaygay_7.jpg

 

คำอธิบายคำย่อที่ใช้ (Terminology Legends)

         ก. คำกริยา

         น. คำนาม

         ว. คำวิเศษณ์

         กว. คำกริยาวิเศษณ์

         สำ. สำนวน

         อุ. คำอุทาน

         ดท. คำด่าทอ

         ยืม อ. คำยืมภาษาอังกฤษ

อนึ่ง ไม่ได้เรียงคำเหล่านี้ตามลำดับตัวอักษรแต่อย่างใด

  • เก๊กชง: ก. อาการเสแสร้งแสดงออกทางร่างกายให้ผู้อื่นเข้าใจว่า ตนเป็นชายแท้. "เก๊กแมน" ก็ว่า
  • แอ๊บ: ก. อาการเสแสร้งแกล้งทำ
  • แอ๊บแมน: ก. ความหมายเดียวกับ "เก๊กชง" หรือ "เก๊กแมน"
  • แอ๊บนี: ก. ย่อมาจาก "แอ๊บชะนี" ซึ่งก็คือ กะเทย2 ผู้แสดงท่าทีเป็นหญิงแท้
  • แอ๊บเปิ้ล: ยืม อ. สรรพนาม ที่ไว้ใช้เรียกพวกที่ "เก๊กชง" หรือ "แอ๊บแมน"
  • สวิงเด้ง: ก. อาการออกกิริยาวี๊ดว๊ายจนผิดธรรมชาติ
  • คัน: ก. อาการอยาก (ผู้ชาย)
  • ซีมาโลชั่น: ก. อาการอยาก (ผู้ชาย) ในระดับรุนแรง อาการคันผิดธรรมชาติ. บ้างก็ว่า ศัทพ์คำนี้เอาไว้ด่าพวกชอบคันตรงนั้น (เพราะซีม่าเอาไว้แก้อาการสังคัง [tinea cruris, jock itch])
  • ชะนี: สรรพนามไว้ใช้เรียกหญิงแท้
  • ชง: สรรพนามบุรุษที่สาม เพศชาย เป็นได้ทั้งเอกพจน์หรือพหูพจน์ ไว้ใช้เรียกชายแท้ ย่อมาจากคำว่า "ผู้ชง - ผู้ชาย"
  • ภุชงค์: สรรพนามบุรุษที่สาม เพศชาย เป็นได้ทั้งเอกพจน์หรือพหูพจน์ ไว้ใช้เรียกชายแท้. มีที่มาจากคำบาลี-สันสกฤตว่า "ภุชค; ภุชงค์; ภุชงคม" อันแปลว่า "งู" หรือ "นาค" ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แทนองคชาต
  • ผัว: ผู้ชายที่กะเทยควงและควงกะเทยให้ใคร ๆ เห็นเป็นนิจ...สัตย์ซื่ออยู่กับกะเทย ไม่ "น้ำแตกแล้วแยกทาง."
  • สวยด้วยแพทย์: ก., ว. ปรุงแต่งหรือได้รับการปรุงแต่งรูปร่างหน้าตาให้สวยทัดเทียมเท่าหรือเกินกว่าหญิงแท้
  • อึ๊บ: ก. ปรุงแต่งตัวเองด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา. อีกความหมายหนึ่ง คือ การมีเพศสัมพันธ์
  • ซองจู: ก. ใช้เรียกอาการที่กะเทยทุ่มให้ผู้ชายแบบเกินฐานะ
  • มีสเปรู: ก. ใช้เรียกอาการที่กะเทยทุ่มให้ผู้ชายอย่างเป็นสรณะ (มาจากภาษาอังกฤษว่า Pay)
  • แต๊บ: ก. วิธีเก็บของสงวนส่วนเกินที่โป่งนูนอย่างชายให้เรียบร้อยมิดชิดสนิทแนบ
  • เซิ้ง: ก. อาการที่กะเทยชักชวนกันไปจีบผู้ชายตามที่ต่าง ๆ
  • ฟ้อนเล็บ: ก. อาการที่กะเทยตบกัน
  • จิก: ก. อาการจับ (ผู้ชาย) ไม่ปล่อย
  • สะว่าน: ก. อาการเวลาทำตัวให้ผู้ชายสนใจโดยไม่เลือกหน้า ใช้เหมือนกับคำว่า "เซิ้ง"
  • กระรอก: ก. การให้ท่าโดยหวังผลพิชิตใจ-กาย(ผู้ชาย)
  • กุ้งนาง: น. กะเทยที่ทำตัวอ้อนแอ้นให้คล้ายหญิงมากที่สุด
  • น้องเตย, นางกอ, นังกอ: สรรพนามเรียกกะเทยแบบน่ารัก ๆ
  • โจ๊ะ: ก. การมีเพศสัมพันธ์
  • หนีบโจ๊ะ: ก. อาการรักนวลสงวนตัวแบบชั่วคราว ไม่โจ๊ะพร่ำเพรื่อ
  • จันอับ: ว., ดท. ย่อแบบแผลงมาจากคำว่า จัญไร (เลวทราม, เป็นเสนียด, ไม่เป็นมงคล, จังไร ก็ว่า) + อัปรีย์ ([ส. อปฺริย; ป. อปฺปิย] ระยำ, จัญไร, เลวทราม, ต่ำช้า, ชั่วช้า, ไม่เป็นมงคล)
  • อึ้ม: ว. คำที่บ่งบอกว่า ผู้ชายนายนั้น ๆ มี "เครื่องเครา" ขนาดใหญ่
  • แช่ม: ก., ว. เสือก, สู่รู้. ถ้าเป็นคำว่า "แช่มหลวง" ก็จะแปลว่า เสือออออออออกเป็นอย่างมาก
  • ฟิน: ก. ยืม อ. ย่อมาจากคำว่า "Finish" แปลว่า เสร็จกิจ, สำเร็จลุล่วงกิจกาม
  • ซาบซึ้งหนึ่งราตรี: สำ. มีสัมพันธ์สวาทกันชั่วข้ามคืน ม้วนเดียวจบ. เทียบกับวลีภาษาอังกฤษที่ว่า "one-nighter"

หรือ "one-night stand"

  • น้ำแตกแล้วแยกทาง: สำ. มีสัมพันธ์สวาทกันชั่วแล่น ครั้นหลั่งน้ำ (ฟิน) แล้ว ก็จบและจากกันไปตามยถา:-(
  • เก๋กู้ด: ก., ว. หน้าตา กิริยา การแต่งกายที่ดูดี
  • กิ๊บเก๋ยูเรก้า: ก., ว. คำที่บ่งบอกว่าสิ่งนั้น ๆ ดีเลิศประเสริฐศรี
  • เก๋เปรี้ยวเยี่ยวราด: ก., ว. ความหมายเดียวกับ "เก๋กู้ด" และ "กิ๊บเก๋ยูเรก้า"
  • เลิศ, เลอเลิศประเสริฐศรี: ก., ว. คำใช้ยกย่องชมเชยสิ่งที่กำลังอธิบายหรือพูดถึงอยู่
  • หน้าเงือก เหงือกพะยูน: ว. ใช้ด่าทอผู้ที่มีหน้าตาอัปลักษณ์
  • หน้าเน่า เป้าเลิศ: ว. ใช้เรียกผู้ชายที่หน้าตาไม่ดี แต่มีเครื่องเคราอันอวบอูมใหญ่โต
  • หน้าผี บอดี้เลิศ: ว. ใช้เรียกผู้ชายที่หน้าตาไม่ดี แต่มีสรีระบุรุษอันกำยำล่ำสัน
  • หน้าเน่า เป้าผี บอดี้เยิน: ว. ใช้เรียกชายที่อัปลักษณ์ทั้งหน้าตา รูปร่าง และอวัยวะเพศ
  • หน้าดี บอดี้เร้า เป้าอึ้ม: ว. ใช้เรียกชายที่ perfect ทั้งหน้าตา รูปร่างและเครื่องเพศ
  • ฉ่ำโบ๊ะ: ก., ว. แต่งหน้าครบเครื่องพร้อมโชว์
  • โปะ-ฉ่ำ-โมก-พอก: ก., ว., สำ. แต่งหน้าทาตาครบคอร์สการประทินโฉม--อาจจะเริ่มด้วย facial treatment เป็นต้นว่า โปะโคลนภูเขาไฟเคลือบอบหน้า ถอนขนคิ้ว กำจัดจุดด่าดำบนใบหน้า ยันไปจนถึงแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอาง พอกสิ่งเสริมแต่งหรือบำรุงใบหน้า ผิวพรรณ ผม ฯลฯ ให้ดูงาม เช่น แป้ง ลิปสติก ดินสอเขียนคิ้ว. สรุปคือ มีการใช้วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้ทา ถู นวด โรย พ่น หยอด ใส่ อบ หรือกระทำด้วยวิธีอื่นใดต่อส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย เพื่อความสะอาด ความสวยงามหรือส่งเสริมให้เกิดความสวยงาม และรวมตลอดทั้งเครื่องประทินผิวต่างๆ ด้วย. สำนวนนี้ได้มาจากภาพยนตร์รุ่นพี่ "ฉันผู้ชายนะยะ" อีกที:-)
  • แหก!!!: อุ. คำอุทานของกะเทยเวลาตกใจ
  • สวยตู้ม: ก., ว. ใช้เรียกกะเทยที่ไปทำศัลยกรรมจนสวยงามเกินหญิง
  • สวยปัง: ก., ว. ใช้เรียกกะเทยที่สวยโดยกำเนิด
  • อลัง: ว. ย่อมาจาก "อลังการ" แปลว่า ยิ่งใหญ่
  • บ๊วบ: ก. ทำ Oral sex บางครั้งเรียกว่า "บัว" หรือ "ถวายบัว"
  • บัวสวรรค์: ว. ใช้เรียกชื่อนางกะเทยที่ทำ Oral sex ได้อย่างเด็ดสะระตี่
  • เย: ก. การมีเพศสัมพันธ์กันทางประตูหลัง
  • ว้อนต์: ก. จากภาษาอังกฤษ "want" --> ความอยากหรือต้องการ (ผู้ชาย)
  • ซอง: ก. ให้เงินผู้ชายหลังจากมีเพศสัมพันธ์กัน. ย่อมากจาก "เอาเงินใส่ซอง." เทียบกับ: "ซองจู" ข้างบน
  • ตู้: น. ประตูหลังของนางกะเทย บ้างเรียกว่า "ตู้ทอง" เพราะอะไรคงไม่ต้องอธิบาย:-)
  • จี: น. อวัยวะเพศหญิง (มาจากศัพท์ภาษาจีน) ไม้
  • เค: น. อวัยวะเพศชาย
  • บัว-เย-ซอง, บัว-ไม่เย-ซอง, ไม่บัว-ไม่เย-ซอง, บัว-เย-ไม่ซอง: สำ. บ่งบอกถึงลักษณะของกามกิจว่าทำอะไรกันบ้าง และสุดท้ายกะเทยต้องจ่ายให้ผู้ชายหรือไม่
  • อีช้างลาก: ดท. คำด่าที่เจ็บปวด...มักจะมีต่อให้รวดร้าวไปอีกว่า "อีช้างลากไปแล้วไม่ 'yet'"
  • โลว์บัง: ดท. ใช้เรียกสิ่งใดก็ตามที่ดูต่ำต้อย
  • โหลกลา: ดท. ย่อมาจาก "กะโหลก - กะลา" มีความหมายคล้ายกันกับ "โลว์บัง"
  • หม่อม: คำสรรพนาม (เป็นได้ทั้งบุรุษที่หนึ่ง สองและสาม) ใช้เรียกกะเทยที่ทำตัวสูงศักดิ์เลิศลักษณ์พิธีรีตอง
  • เปรี้ยว: ก., อาการเวลากะเทยออกไปเฮฮาสนุกสนาน; ว. ก๋ากั่นชวนเข็ดฟัน; กว. มีความก๋ากั่นชวนเข็ดฟัน
  • สะตอ: ก. อาการตอแหล
  • หิวกี่: ก., ว. ใช้เรียกเวลาที่ผู้ชายไม่ตกถึงท้องกะเทยเป็นเวลานาน ๆ ... ลองผวนคำดูสิคะ;-)
  • กล้าปี๊ค: ก., ว. ใช้เรียกกะเทยที่พูดไม่ดูทิศทางลม ย่อมาจากคำว่า "กล้า Speak"
  • เม้าต์: ก. อากัปกิริยาเวลากะเทยนินทาใคร ๆ
  • ช่างกล้า, ช่างมั่น: ว. ใช้เรียกกะเทยที่มีความกล้า จนเกินความพอดี
  • เซลฟ์: ว. ใช้เรียกกะเทยที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง...ย่อมาจาก self-conffidence
  • เสียเซลฟ์: ก. อากัปกิริยาเวลากะเทยสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง
  • กะเทยกระบือ: น., ดท. ใช้เรียกกะเทยที่มีรูปพรรณสันฐานบึนบึกถึกทั้งแท่ง (เหมือนหรือยิ่งกว่าชายจริง)

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

คลีนิกรักดอทคอม โดย กิตติศักดิ์ ปรกติ

คลีนิกรักดอทคอม โดย พญ.ชัญวลี ศรีสุโข

คลีนิกรักดอทคอม โดย ขวัญใจ เอมใจ

คลีนิกรักดอทคอม โดย นที ธีระโรจนพงษ์

คลีนิกรักดอทคอม โดย นรวิชญ์ ลัคนานนท์

คลีนิกรักดอทคอม โดย นรวิชญ์ ลัคนานนท์

คลีนิกรักดอทคอม โดย ดัชนี

คลีนิกรักดอทคอม โดย น.พ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์

Suphawut.com

kids & family ปีที่ 114 ปีที่ 10 กันยายน 2548

หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545

หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน วันที่ 19-20 พฤษภาคม พ.ศ.2007 เซคชั่น MetroLife


ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

 

 

ภาพ:Medusa_10.jpg


         เมดูซ่า (Medusa) เป็นผู้หญิงที่มีผมเป็นงู และเมื่อมีคนมองมาที่ใบหน้าเธอ เธอจะสาปให้คนผู้นั้นกลายเป็นหิน ที่จริงแล้วก่อนที่เมดูซ่าจะมีความร้ายกาจดังที่เป็นที่เล่าขานกันมานั้น เมดูซ่านั้นเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาสวยงามมาก แต่เธอต้องคำสาปจึงทำให้เธอมีหน้าตาน่าเกียจ มีหัวเป็นงู

 

 

รากศัพท์เมดูซ่า

ภาพ:Medusa_7.jpg


         แต่คำว่า เมดูซ่า - Medusa เป็นคำที่มีมานานมากแล้ว ที่ยังคงเป็นรากศัพท์ไว้ในหลายๆ ภาษาโบราณ เช่น ในภาษาสันสกฤต คือ"เมธา" ในภาษากรีก คือ Metis และในภาษาอียิปต์โบราณคือคำว่า Met หรือ Maat มีแหล่งกำเนิดจากตำนานของประเทศลิเบีย ที่นำเข้ามารวมในตำนานกรีกทีหลัง เป็นที่นับถือของชาวลิเบียโบราณว่าเป็น เทพแห่งงู หรือเจ้าป่าเจ้าเขาผู้มีอำนาจดุร้าย ในยุโรปสมัยโบราณยุคหิน งู ยังไม่ได้เป็นสัญญลักษณ์ของความชั่วร้าย ซึ่งเป็นทัศนคติตามคริสตศาสนาที่เกิดขึ้นมาภายหลัง หากเป็นสัญญลักษณ์ของพลังอำนาจเหนือธรรมชาติ และก็อาจเป็นไปได้ที่ว่า เมดูซ่า เจ้าแม่ผู้ทรงพลังจากสังคมโบราณ เป็นเค้าเงื่อนที่ชาวอินเดียนำไปผูกเป็น เจ้าแม่ทุรคา หรือ กาลี ก็ได้

[แก้ไข] ความเป็นมาของเมดูซ่า

         เมดูซ่า นั้น แต่เดิมทีหลายพันหลายหมื่นปีมาแล้วก็คงเป็น เจ้าป่าเจ้าเขาที่มีอำนาจ มีผมขอดหยิกหยักถักเป็นเปียเล็ก ๆ ทั่วทั้งหัวแบบชาวอัฟริกัน (แบบที่เรียกว่า dreadlocks) ที่ดูคล้ายงู ในสังคมดึกดำบรรพ์ ที่ยังนับถือยกย่องให้ผู้หญิงเป็นใหญ่

         ภายหลังที่สังคมกรีกกลายมาให้ผู้ชายเป็นใหญ่ ภาพพจน์ของ เมดูซ่า ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป เนื่องจากเทพบุรุษเข้ามาแทนที่เทพสตรี ในสังคมกรีก ในช่วงพันปีแรกของอาณาจักรกรีก จนมาถึงประมาณ 600 ปีก่อนคริสตศตวรรษ วิหารบูชา เมดูซ่า ก็ถูกทำลายลงไปไม่เหลือซาก ชาวกรีกคงเอามาผูกเป็นตำนานให้เป็นนางมารร้ายไปในภายหลัง ชื่อของเธอ ก็กลายไปเป็นเพียงตำนานแห่งความพ่ายแพ้ ที่ถูกฆ่าโดย เพอร์ซีอุส แล้วชาวกรีก ก็ถ่ายทอดพลังอำนาจของ เมดูซ่า มาให้ เทพอะธีน่า ผู้เป็นเทพสตรีตัวอย่างของสังคม ที่ชาวกรีกต้องการใช้เป็นแบบอย่าง คือรักษาพรหมจรรย์ และรับใช้ครอบครัว ยึดมั่นในความซื่อสัตย์จงรักภักดีและเทิดทูน เทพเพอร์เซอุส พระบิดา เหนือตนเอง

[แก้ไข] ตำนานเมดูซ่า

ภาพ:Medusa_9.jpg


         ตามตำนานกรีกนั้น เมทิส แม่ของเมดูซ่าและพี่น้องอีกสองสาว ทั้งเมดูซ่าและพี่สาวแต่เดิมนั้น เป็นสาวงามมาก ต่อมา เมทิส แม่ของนาง ถูก เทพเพอร์เซอุสข่มขืน แล้วกลืนลงท้องไป เมทิส เป็นเจ้าแห่งปัญญา และสามารถแปลงร่างต่าง ๆ ได้เพอร์เซอุส จึงอาศัยพลังปัญญาและเวทย์มนต์ของ เมทิส มาเพิ่มอำนาจให้ตัวเอง ช่วยให้เพอร์เซอุสมีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าเทพทั้งปวง และยังสามารถแปลงร่างได้ดังใจนึก ไปเอาสตรีมากมายเป็นภรรยาได้ในภายหลัง พลังของ เมทิส สำลักออกทางหน้าผาก เพอร์เซอุส กลายเป็นเทพธิดา อะธีน่า ผู้ได้รับมรดกทางปัญญาจาก เมทิส ผู้เป็นแม่

         ตั้งแต่เกิดมา อะธีน่า ก็ถือ เมดูซ่า เป็นศัตรูคู่แค้นที่จักต้องพิฆาตให้ดับสิ้น เพราะในบรรดาพี่น้อง มีแต่เมดูซ่า ผู้เดียวที่เป็นมนุษย์ พี่สาวชาวกอร์กอนทั้งสองร่วมท้องแม่ของเธอ มีสถานะเป็นเทพ จึงฆ่าไม่ตาย อะธีน่า จึงหันมาหาทางทำลาย เมดูซ่า แต่ผู้เดียวในบรรดาลูกแม่เดียวกันทั้งหมด

         วันหนึ่งใน วิหารอะธีน่า ที่ชาวกรีกสร้างไว้บูชาสักการะแต่ละเทพเป็นวิหาร ๆ ไป เทพอะธีน่า เป็นเทพอุปถัมภ์ของสาวพรหมจารี ที่สตรีพรหมจรรย์ชาวมนุษย์มักไปบูชา สาวงาม เมดูซ่า ที่มีชายมากหลายหมายปอง ก็ไปบูชา เทพอะธีน่า ยังวิหารตามปกติ เทพโพไซดอน ได้ประจักษ์เห็นความงามของนางแล้ว ก็ต้องการครอบครองโดยใช้กำลังขืนใจ อะธีน่า จึงได้โอกาสใส่ความว่า เมดูซ่า บังอาจลบหลู่นางด้วยการสู่สมในวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ แล้วฉวยโอกาสสาป เมดูซ่า ให้กลายเป็นมารร้ายน่าเกลียดน่ากลัว และสาปให้ผมอันสวยงามลือชื่อของนาง กลายเป็นงูเต็มหัว จากสาวงามเลื่องชื่อ ต้องมากลายเป็นมารร้ายที่น่าชิงชังขยะแขยง จนใครที่ได้เห็น จะต้องกลายเป็นหินไป

         เมดูซ่า ทั้งชอกช้ำ ทั้งอับอาย ก็แปรความเจ็บช้ำที่ได้รับให้กลายเป็นความเคียดแค้นชิงชัง ต้องการทำร้ายหมายมาดทุกชีวิตที่ขวางหน้า โดยทำให้กลายเป็นหินไปจากการมองหน้าของนาง เป็นการตอบโต้ความอยุติธรรม ที่ทำให้นางต้องรับชะตากรรมอันโหดร้าย

         เมดูซ่า จึงกลายเป็นมารร้าย ผู้เป็นที่กล่าวขวัญถึงมากที่สุดในตำนานกรีก มีทั้งภาพสลัก รูปปั้นต่าง ๆ ของเมดูซ่าตามวิหารต่าง ๆ มากมาย ในภาพเป็นรูปปั้นของเมดูซ่า เป็นมารเฝ้าประตูวิหารที่เกาะ คอร์ฟู

[แก้ไข] จุดจบของเมดูซ่า

ภาพ:Medusa_8.jpg


         สุดท้ายเมดูซ่าก็ถูกเพอร์เซอุสฆ่าตายจากการถูกเพอร์เซอุสใช้ดาบฟันคอขาด ซึ่งอะธีน่าเป็นคนอยู่เบื้องหลังในการตายของเมดูซ่า ที่อะธีน่าให้เพอร์เซอุสไปฆ่าเมดูซ่าแทนนั้นเพราะอะธีน่าเป็นเทพแล้วจึงใช้อำนาจในทางที่ผิดได้ไม่มาก จึงใช้มือของเพอร์เซอุสในการทำการเรื่องนี้

         ทั้งนี้เรื่องมีอยู่ว่า ... เมื่อเพอร์เซอุสตกหลุม โพลีเดคเทส ก็ต้องออกล่าหา เมดูซ่า เพื่อตัดหัวมาตามสัญญา เทพอะธีน่า ซึ่งรอคอยหาคนมากำจัด เมดูซ่า ให้อยู่นานแล้ว เพราะความเป็นเทพของนาง ทำให้ไม่สามารถไปแสดงอำนาจพาลได้ถนัด ยังต้องอาศัยเหตุผลข้ออ้าง และน้ำมือคนอื่นไปกำจัดศัตรูให้ กี่คน ๆ มาแล้วที่ต้องการไต่เต้าสร้างวีรกรรม ที่ได้กลายเป็นหินไปหมดทันทีที่เพอร์เซอุสมาเข้าทางตน อะธีน่า ก็กุลีกุจอปรากฏตัวขึ้นทันที เพื่อช่วยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนกำจัด เมดูซ่า ของนางโดยราบรื่น

         อะธีน่า จึงช่วยบอกทางให้ เพอร์เซอุสไปยัง ซามอส อันเป็นที่พำนักของ นางกอร์กอนสามพี่น้อง เทพอะธีน่า ก็ได้ประทานโล่ห์ที่เป็นเงามันวับเหมือนกระจก แล้วช่วยให้ภาพปรากฏของนางมารทั้งสาม เพื่อ เพอร์เซอุสจะได้เห็นว่าหน้าตาเป็นอย่างไร และเตือน ไม่ให้มองหน้าเมดูซ่าตรงๆ เพราะจะทำให้กลายเป็นหินไปเสียก่อน

 

ภาพ:Medusa_11.jpg


         จากนั้น อะธีน่า ก็ให้อนุชา คือ เทพเฮอร์มีส (ที่ชาวโรมันเรียกว่า เมอร์คิวรี่ นั่นเอง) ซึ่งก็เป็นเทพบุตรของ เพอร์เซอุส อีกผู้หนึ่ง ไปนำ ดาบโค้ง ของโครนัสมาให้ เพอร์เซอุสเพื่อใช้ฆ่า เมดูซ่า

         เพื่อให้เป็นหลักประกันว่า เพอร์เซอุสจะปฏิบัติการได้สำเร็จ ก็ต้องอาศัยของวิเศษอื่น ๆ อีก อะธีน่า จึงช่วยบอกอุบายรายละเอียด และชี้ทางให้ เพอร์เสียส ไปหานางแม่มดสามพี่น้องแห่ง เกรยี ผู้เป็นแม่เฒ่ามาตั้งแต่เกิด นางทั้งสามมีตาเพียงดวงเดียว และมีฟันเพียงซี่เดียว ต้องแบ่งกันใช้ แต่ก็ทะเลาะเบาะแว้งแย่งตาแย่งฟันกันมาชั่วชีวิต เพอร์เซอุสจึงอาศัยความชุลมุนจากการแก่งแย่งนั้น เข้าไปขโมยดวงตาและฟันพวกแม่มดเกรยีมา เพื่อบังคับให้นางทั้งสามบอกทางไปหานางนิ้มฟ์ผู้ใจดีแห่งอุตรทิศ แล้วจึงจะคืนตาและฟันให้ เมื่อ เพอร์เซอุสรู้ทางแล้ว ก็ไปหา นางนิมฟ์ผู้ใจดี ผู้ให้ยืมรองเท้ามีปีกที่ทำให้เหาะได้ หมวกวิเศษที่ทำให้ล่องหนได้ และกระเป๋าวิเศษเพื่อไว้ใส่หัวเมดูซ่า

          เมื่อได้ของวิเศษต่าง ๆ แล้ว เพอร์เซอุสก็เข้าไปยังถ้ำของนางมารกอร์กอนสามพี่น้อง เมื่อไปถึงก็พบว่า เมดูซ่า กำลังนอนหลับกับพี่สาวทั้งสอง เพอร์เซอุสก็ได้ อะธีน่า ที่ตามมาช่วยอยู่ตลอดเวลา ช่วยถือโล่ห์ให้ จากภาพเงาของเมดูซ่าในโล่ห์มันวับ เพอร์เซอุสก็ตัดหัว เมดูซ่า ขาดแล้วเก็บใส่ถุงวิเศษทันที เลือดไหลนองออกจากคอของ เมดูซ่า ก่อกำเนิดเกิดออกมาเป็น ม้ามีปีก เพกาซัส แล้ว เมดูซ่า ก็จบสิ้นความระทมทุกข์ทรมาน จากชีวิตอันโหดร้ายของเธอ ส่งผลให้ เพอร์เซอุสกลายเป็นวีรบุรุษอมตะผู้ปราบมารของชาวกรีกไป

 

ภาพ:Medusa_12.jpg


          จากนั้น เพอร์เซอุสก็เดินทางกลับเพื่อเอาหัว เมดูซ่า ไปมอบให้ โพลีเดคเทส ตามสัญญา

          ขณะที่บินไปด้วยรองเท้าวิเศษ เหนือประเทศ เอธิโอเปีย เพอร์เซอุสก็สังเกตเห็นสาวงามนางหนึ่ง เปลือยร่างถูกตรึงด้วยโซ่อยู่กับก้อนหินริมทะเล จึงแวะลงมาถามไถ่ ความงามของสาวน้อยทำให้ เพอร์เซอุสตกหลุมรักทันที นางบอกว่า ชื่อเจ้าหญิงอันดรอเมด้า เป็นราชธิดาของกษัตริย์ เซฟเฟียส และราชินี แคสซีโอพายย่า พระมารดาของนางทรงเลอโฉมสุดจะหาผู้ใดปานได้ แต่พระนางผู้เป็นมารดา พร่ำเพ้อเห่อเหิมในความทรงโฉมของพระองค์เองเป็นยิ่งนัก ครั้งหนึ่ง ได้ไปคุยทับถมว่า ความงามของพระนางนั้น เลิศเลอยิ่งกว่าความงามของ นางนิ้มฟ์ทั้งห้าสิบพี่น้องตระกูลเนเรียดส์แห่งห้วงสมุทรเสียอีก เหล่านางนิ้มฟ์เนเรียดส์ จึงคั่งแค้นยิ่งนัก ที่นางมนุษย์บังอาจมาลบหลู่ความงามของเทพ จึงพากันไปร้องเรียน เทพโพไซดอน ผู้เป็นเจ้าสมุทร ทำให้ทรงพิโรธโกรธขึ้ง สั่งให้อสูรทะเล เซตัส มาเรียกร้องให้เอาเจ้าหญิงมาพลีชีพ สังเวยกรรมพระมารดาเสีย หาไม่แล้ว อสูรเซตัส จะทำลายเมืองเอธิโอเปียให้ราพนาสูรสิ้นไป

          เพอร์เซอุสจึงเสนอตัวปราบมารอีกครั้งหนึ่ง โดยขอแต่งงานกับเจ้าหญิงเป็นการตอบแทน ที่ทั้งองค์ราชาและราชินีก็รีบละล่ำละลักรับปาก ยังไม่ทันขาดคำ อสูรร้ายเซตัส ก็ปรากฏตัว หลังจากฟาดฟันกันได้ชั่วขณะหนึ่ง เพอร์เซอุสจึงชูหัวนางเมดูซ่าขึ้น ทำให้ เซตัส กลายเป็นหินสิ้นชีวิตไปทันที

          ครั้นกู้ให้ชาวเมืองเอธิโอเปียพ้นภัยได้แล้ว กษัตริย์เซฟเฟียส และพระนางแคสซีโอพายย่า กลับคิดจะคืนคำที่จะมอบเจ้าหญิง อันดรอเมด้า ให้ เพอร์เซอุสเพราะเจ้าหญิงถูกหมายหมั้นไว้กับเจ้าอา อนุชาของพระบิดาไว้แล้ว ในงานเลี้ยงฉลองชัยชนะของ เพอร์เซอุสเจ้าอา ก็ยกกำลังจะมาชิงนาง เพอร์เซอุสจึงได้ใช้หัว เมดูซ่า ปราบศัตรูอีกครั้งหนึ่ง และได้พาเจ้าหญิงกลับคืนยัง เซรีโฟส เพื่อจะได้ครองรักกัน

          เมื่อเพอร์เซอุสพาเจ้าหญิง อันดรอเมด้า กลับคืนเมืองนอนมาแล้ว ก็ได้รู้ถึงกลลวงของ โพลีเดคเทส เพราะขณะที่ เพอร์เซอุสออกล่า เมดูซ่า นั้น โพลีเดคเทส เชื่อว่า เพอร์เซอุสคงต้องพินาศดับสิ้นแน่ๆ จึงหวังจะรวบรัด ดาเนอี โดยจัดพิธีวิวาห์ขึ้น ดาเนอี ต้องหลบหนีการแต่งงานไปอยู่ในวิหารประจำเมือง เพอร์เซอุสจึงบุกเข้าไปที่พิธีแต่งงานนั้น โพลีเดคเทส ก็สั่งให้สมุนมากำจัดเพอร์เซอุส แต่ก็เช่นเคย ศัตรูทั้งหมดก็ต้องประสบชะตากรรมกลายเป็นหินไป ด้วยหัวนาง เมดูซ่า อีก

 

ภาพ:Medusa_13.jpg


          เสร็จศึกแล้ว เพอร์เซอุสก็มอบหัว เมดูซ่า ให้เทพอะธีน่า ซึ่งเอาไปตรึงบนเกราะอกของเธอ เป็นเกราะศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่า AEgis (ที่กองทัพเรือสหรัฐเอาไปใช้เป็นชื่อเรือรบชนิดหนึ่ง) อันน่าเกรงขามที่ใครมองเข้า ก็จะกลายเป็นหินไปทันที

          ต่อมา ในเกมส์ละเล่นเหวี่ยงแผ่นหิน เพอร์เซอุสกำลังเล่นอยู่และโยนแผ่นหินหลุดมือไปโดน อคริเสียส ในหมู่ผู้ชม ถึงแก่สิ้นพระชนม์ลง เป็นอันเป็นไปตามคำทำนายดวงชะตามาแต่ก่อนเก่า

          หลังจากนั้น เพอร์เซอุสและ อันดรอเมด้า ก็ครองรักกันมาอย่างมีความสุข บุตรชายคนแรกของทั้งสอง มีชื่อว่า Peres ตามตำนานกล่าวว่า เป็นกษัตริย์องค์แรกของชาว'เปอร์เซีย อันเป็นอาณาจักรโบราณ ที่ได้แผ่อำนาจขยายอาณาเขตอิทธิพลครอบคลุมไปทั่วทั้งตะวันออกกลาง ไปจนถึงภาคตะวันตกของจีนและอินเดีย

 

 


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก


วิชาการดอทคอม

วิกิพีเดีย

teenee.com

 

Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 8,528 Today: 3 PageView/Month: 11

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...